เฮงเค็ลคอนซูเมอร์แบรนด์ ได้เปิดตัวศูนย์นวัตกรรม J บิวตี้อย่างเป็นทางการในกรุงโตเกียว โดยทุ่มงบกว่า 400 ล้านเยน (3 ล้านยูโร) นี่เป็นก้าวที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจแฮร์โปรเฟสชั่นแนลในภูมิภาคเอเซีย ด้วยประสบการณ์ความชำนาญกว่าหลายปีของ Schwarzkopf และ Shiseido ในเรื่องนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทำสีผม เทรนด์ผม ผลิตภัณฑ์ดูแลผมและหนังศีรษะสูตรพรีเมี่ยม กลุ่มผลิตภัณฑ์สูตรป้องกันผมร่วง และผลิตภัณฑ์เพื่อการดัดผมและจัดทรงผม ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ศูนย์นวัตกรรม J บิวตี้เป็นผลงานสำคัญล่าสุดที่เกิดจากการควบรวมธุรกิจ Shiseido โปรเฟสชั่นแนลเข้าสู่องค์กรของเฮงเค็ล ทีมงาน Schwarzkopf และ Shiseido โปรเฟสชั่นแนล ได้ทำงานร่วมกันในพื้นที่ 1,400 ตารางเมตรแห่งนี้ พนักงานจากหลากหลายประเทศกว่า 100 คน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้าน R&D กว่า 40 ผู้เชี่ยวชาญ ใช้ศูนย์นวัตกรรมและพัฒนาแห่งนี้ โดยได้นำเอาความเชี่ยวชาญของ Schwarzkopf และ Shiseido โปรเฟสชั่นแนล มาใช้ในการพัฒนาด้านกลยุทธ์ การตลาด การพัฒนาสินค้า การปฏิบัติการ และการให้ความรู้แก่ช่างผมมืออาชีพ ทั้งนี้เฮงเค็ลจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาสินค้าใหม่และการคิดค้นสูตรใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทีมงานได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการผสมผสานมาตรฐานความงาม เทรนด์ความงามที่ลงตัวและไม่เหมือนใครระหว่างเอเชียและตะวันตกสำหรับคู่ค้าร้านทำผมและผู้บริโภคในเอเชีย
คาร์สเทน โนเบล ซีอีโอบริษัทเฮงเค็ล ได้พูดกล่าวในงานเปิดตัวว่า “เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเทรนด์และนวัตกรรมมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสินค้าผู้บริโภคที่พวกเราได้ขยายและทำให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก และภายใต้สภาพแวดล้อมที่สร้างแรงบันดาลใจและการทำงานร่วมกันนี้จะทำให้ศูนย์นวัตกรรมใหม่นี้ พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆที่จะมีอิทธิพลในมุมกว้างและส่งเสริมความแข็งแรงให้กับธุรกิจแฮร์โปรเฟสชั่นแนลในภูมิภาคที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธของเฮงเค็ลนี้ อีกทั้งยังช่วยให้เป้าหมายของพวกเราที่มุ่งไปสู่การขยายขอบเขตการแข่งขันที่กว้างกว่าเดิม ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆที่สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแตกต่าง”
“เราตั้งใจออกแบบศุนย์นวัตกรรม J บิวตี้ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดแฮร์โปรเฟสชั่นแนลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ร่วมกับศูนย์นวัตกรรม Schwarzkopf โปรเฟสชั่นแนล อีกสองแห่งที่ลอสแองเจลลิสและแฮมเบิร์ก เราจะมีผลิตภัณ์ที่ส่งเสริมธุรกิตแฮร์โปรเฟสชั่นแนลของเราในระดับโลกจากอเมริกาเหนือ ยุโรปมาจนถึงเอเชีย เราใช้โอกาสที่น่าตื่นเต้นนี้เพื่อยกระดับแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ของเราให้มากขึ้น เราจะขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของเหล่าช่างทำผมและผู้บริโภคของเรา” วูลฟ์กัง โคเอนนิ่ง รองประธานฝ่ายบริหารเฮงเค็ล คอนซูเมอร์ แบรนด์กล่าว
ความพิเศษของศูนย์นวัตกรรม J บิวตี้ประกอบด้วยห้องปฏิบัติการ R&D และโปรดักส์สตูดิโอที่ทันสมัย อีกทั้งยังมีห้องทดสอบสีผมและห้องศึกษาพฤติกรรมอีกด้วย
• ห้องค้นคว้าและปฏิบัติการ R&D ที่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำที่สุดสำหรับการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ดูแลผมและ สีผม ของตลาดญี่ปุ่นและเอเซีย
• สตูดิโอประเมินคุณภาพสินค้า ที่มีการติดตั้งกระจกสำหรับแต่งหน้าและเตียงสระผมเพื่อใช้ในการทดสอบความรู้สึกที่ได้รับจากการลองใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผม สีผม ดัดผม ตัดทรงผม
• ห้องทดสอบสีผม ซึ่งภายในห้องได้ถูกออกแบบการจัดแสงเป็นพิเศษเสมือนจริงและเหมาะกับการสังเกตุสีผม เพื่อให้ได้สีผมชัดเจน และมีความคงที่ ตลอด 24 ชั่วโมง
• คิ้วบ์ศึกษาพฤติกรรมที่จำลองห้องน้ำในบ้านเพื่อใช้ศึกษา
พฤติกรรมและประสบการณ์ของผู้บริโภค ห้องนี้จะสามารถให้ทีมงานพัฒนาสินค้าและการใช้งานแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
เดวิด ตัง ประธานส่วนภูมิภาคเอเชีย เฮงเค็ล คอนซูเมอร์ แบรนด์กล่าวว่า “ศูนย์นวัตกรรม J บิวตี้ ได้ส่งเสริมความสามารถในการพัฒนาแบรนด์และนวัตกรรมในเอเชียเพื่อผู้บริโภคชาวเอเชีย ศูนย์นวัตกรรมความงามแห่งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่สำหรับธุรกิจของเราและคู่ค้าในญี่ปุ่น และตลาดผลิตภัณฑ์ความงามชั้นนำของเอเซียในประเทศจีน เกาหลี ไทย สิงคโปร์และมาเลเซียอีกด้วย การร่วมมืออย่างเหนียวแน่นระหว่างแผนกการตลาด การพัฒนาแบรนด์ และ R&D จะช่วยสร้างให้เกิดวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการที่ทุกทีมจะสามารถออกแบบคอนเซป ทดสอบความคิดใหม่ๆ ตัดสินใจ ออกสินค้าสู่ตลาดและมีกลยุทธ์การทำการตลาดได้รวดเร็วมากขึ้น ศูนย์นวัตกรรมความงาม J บิวตี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเร่งการเติบโตธุรกิจแฮร์โปรเฟสชั่นแนลในภูมิภาคเอเชีย”
“ศูนย์กลางนวัตกรรม J-beauty เป็นก้าวต่อไปของธุรกิจโปรเฟสชั่นแนลของเราในเอเชียรวมถึงประเทศไทย ตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้าถึงนวัตกรรมอย่างรวดเร็วทำให้เราคว้าโอกาสทางการตลาดและเก็บเกี่ยวประโยชน์เพื่อปรับปรุงศักยภาพความเป็นผู้นำของเฮงเค็ลในตลาดเส้นผมในประเทศไทย” ธีรศักดิ์ ไตรทิพย์ ผู้จัดการทั่วไปกล่าว ของคอนซูมเมอร์แบรนด์ในประเทศไทย