‘เบญจรงค์’ บ้านดุสิตธานี เปิดตัวเมนูชุดใหม่ อาหารไทยโบราณช่วงรอยต่อสามกรุง

46
ข้าวผัดสับปะรดไข่แมงดา

จากแรงบันดาลใจของตำรับอาหารไทยโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี ถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ‘เบญจรงค์’ พร้อมสร้างมื้อไฟน์ไดนิ่ง ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของเครื่องแกง น้ำพริก น้ำปรุง ยำรสเด็ด และของหวานเย็นใจ ที่จะมอบรสสัมผัสที่น่าหลงใหล ในบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นส่วนตัว ในเรือนอาคารโบราณเกือบร้อยปี

ห้องอาหารไทย ‘เบญจรงค์’ ณ บ้านดุสิตธานี ชวนสัมผัสรสชาติอันล้ำลึกของอาหารไทยโบราณ ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงเวลาที่อาณาจักรสยามเพิ่งเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่มาจากค้าขายกับต่างประเทศ เข้ามาหลอมรวมกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิม กลายเป็นตำรับอาหารไทยที่ยังคงไว้ด้วย รูปรส กลิ่น และสัมผัสแห่งวัฒนธรรมความเป็นไทยอันเข้มข้นอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเมนูใหม่ที่ทีมเชฟของเบญจรงค์ จะนำมาปรุงอย่างประณีต บรรจง และพิถีพิถันตามกรรมวิธีโบราณ และสอดแทรกด้วยเทคนิคตะวันตก ในการคงความสดใหม่ๆ ให้ท่านได้ลิ้มลองและดื่มด่ำไปด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ทีมงานฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มจากกลุ่มดุสิตธานี (หรือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล) ใช้เวลาเกือบร่วมปี ในการสืบเสาะ ค้นคว้า และเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงพ่อแก่ แม่เฒ่าในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ จากภาคตะวันออกสู่ตะวันตก เพื่อรวบรวมตำราอาหารโบราณที่มีความโดดเด่น น่าสนใจ เพื่อนำมาทำงานร่วมกับทีมครัวของห้องอาหารเบญจรงค์ ผู้มากประสบการณ์ในด้านอาหารไทยแบบไฟน์ไดนิ่ง ครอบคลุมอาหารไทยชาววัง ไทยฟิวชั่น ไทยโมเดิร์น จนรังสรรค์เป็นเมนูชุดใหม่ที่คงไว้ซึ่งรสชาติอันเป็นรอยต่อของสามกรุง ที่เข้มข้นด้วยกลิ่นอายของความดั้งเดิม หลอมรวมกับเทคนิคอันลึกล้ำของนวัตกรรมตะวันตก มาปรุงอาหารไทยแท้ๆ ที่นำเสนอผ่านมุมมองอันแปลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันหลากหลายมิติ และเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าได้ลองลิ้มชิมรส

“อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติอันเข้มข้น และความหอมของเครื่องเทศสมุนไพรอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ทันตระหนักว่า นี่เป็นอิทธิพลของการผสมผสานความหลากหลายในหลากวัฒนธรรมที่หลอมรวมพร้อมกับอารยธรรมไทยมานานหลายร้อยปี” เชฟปุ๋ม – สุกัญญา งามศรีขำ หัวหน้าทีมครัวของห้องอาหาร เบญจรงค์ กล่าว “ฉะนั้นสิ่งที่พวกเราต้องการนำเสนอในเมนูใหม่ คือ รากเหง้าทางวัฒนธรรมในอาหารไทย ซึ่งสามารถสืบค้น ย้อนกลับไป จากตำรับต้นตระกูลเก่าๆ ในดินแดนด้ามขวานทองของการเข้าครัวในยุคสมัยที่เราเรียกตัวเองว่า “ชาวสยาม” เราปรุงอาหารทุกจานตามขั้นตอน และเทคนิคโบราณอันซับซ้อน เพื่อแสดงออกถึงการเคารพต้นฉบับอาหารไทยอันทรงคุณค่า และนำมาเสนอผ่านมุมมองของความร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่บนโต๊ะอาหาร ตอนที่เราเริ่มทำเมนูใหม่นี้ ทีมครัวทุกคนมีความสุขกับการทำอาหารมาก เพราะทุกคนได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาที่เราเริ่มต้นตกหลุมรักการทำอาหาร เราสนุกกับการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นยอดมาปรุงอาหารตามขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งมอบรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้สัมผัสกับรสชาติที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และมีความสุขกับมื้ออาหารร่วมไปกับเรา”

ปูม้านึ่งนมสด

ห้องอาหารเบญจรงค์ขอชวนไปทำความรู้จักกับเมนูใหม่ที่จะช่วยสร้างความสดชื่นและเตรียมความพร้อมของการดื่มด่ำกับรสชาติอาหาร ด้วย ตั้งแต่ ต้มยำขแมร์ (ทำจากน้ำสต็อกกุ้งเผา แตงกวา ปลาแห้ง และมะม่วงดิบ) ไปจนถึงความซับซ้อนของรสชาติเครื่องแกงอันเข้มข้นในเมนู แกงแขกขาเป็ดและผลไม้แห้ง (ทำจากเครื่องแกงและผงมาซาลาแบบโฮมเมด ผลไม้แห้ง หอมเจียว และกระเทียม)

เราคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดที่หาได้ยาก และเป็นของดีขึ้นชื่อจากแต่ละจังหวัด นำมา โขลก ตำ กวน ปิ้ง นึ่ง ย่าง จี่ อบ ต้ม ผัด หลน และงบ เพื่อได้เครื่องแกงและซอสปรุงรสที่มีรสสัมผัสดั้งเดิม อันโดดเด่นด้วยมือของทีมครัว ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าท่านจะได้ลิ้มรสแห่งความสด สะอาด และจากธรรมชาติล้วนๆ ในทุกเมนู เปรียบเสมือนอาหารยา

“ทุกอย่างคือความสมดุล” เชฟปุ๋ม – สุกัญญา กล่าว “วิธีรับประทานอาหารไทยที่เราอยากแนะนำ คือ การเลือกเมนูที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ซุป แกง ยำ ของทอด น้ำพริก รับประทานร่วมกับข้าวหอมมะลิออแกนิกที่เรารับตรงมาจากกลุ่มชาวนาเกษตรอินทรีย์จากทุ่งกุลาร้องไห้ เพื่อเปิดรับ รสหวาน เค็ม เผ็ด และเปรี้ยว ที่จะช่วยส่งเสริมและตัดรสชาติกันและกันอย่างลงตัว รวมทั้งให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันในแต่ละเมนู จากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม ซึ่งจะทำให้มื้ออาหารที่ห้องอาหารเบญจรงค์ กลายเป็นมื้ออันน่าจดจำของทุกคน”

ชุดเมนูใหม่ มีให้เลือกสรรกว่า 32 เมนู อาทิ, ไข่สามเขย ซึ่งประกอบด้วยไข่ 3 ชนิดคือ ไข่นกกระทา ไข่เป็ด และไข่ไก่ , หมูกรอบสี่สหาย ที่กรอบนอกนุ่มใน และหอมกรุ่นด้วยพริกไทยหอมสี่ชนิด, แกงพริกสดปูม้า ปรุงด้วยเครื่องแกงคล้ายแกงไตปลา หน่อไม้น้ำ และเนื้อปูก้อน จัดจ้านแบบอาหารใต้, น้ำพริกกุ้งย่างสายบัว ที่ใช้เนื้อกุ้งสดและปลาแห้ง โขลกกับเคยชั้นดี ตัดรสฝาดด้วยสายบัวซอยหั่น เข้าคู่กับไข่เป็ดต้มและกากหมูทอด, เนื้อกวางสะเต๊ะลือ ที่หมักเครื่องเทศที่แทรกไปทุกอณูของเนื้อ แล้วนำไปย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มถั่ว และอาจาด ที่ได้ชื่อว่าอร่อยลือลั่นไปทั่วพระนคร , แกงจืดหมูสามชั้น และปลาหมึกพริกไทยอ่อน ที่เชฟต้มน้ำซุปจากกระดูกสะโพกหมูอบกว่า 10 ชั่วโมงจนงวดกลมกล่อมเข้าคู่กับหมูสามชั้นสไลด์บางเฉียบ และปลาหมึกอ่อนที่ผ่านการปรุงด้วยพริกไทยอ่อนและนึ่งจนนุ่มละลายในปาก, ตลอดจน ปูม้านึ่งนมสด , ข้าวผัดสับปะรดไข่แมงดา, แกงคั่วปักษ์ใต้ขาแกะ, และแกงกุ้งลายเสือดอกดาหลา

สำหรับเมนูขนมหวาน ห้องอาหารได้นำเสนอ พุดดิ้งมะพร้าว ที่หอมนุ่มละมุน เสิร์ฟพร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อนโรย ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างอิ่มเอม หรือท่านจะเลือกความสดชื่นด้วย ส้มฉุน ที่ใช้ลิ้นจี่และผลไม้ต่างๆ ตามฤดูกาลมาทำเป็นของหวานลอยแก้วดับร้อน ด้วยรสหอม ไม่เปรี้ยวแหลมจากส้มซ่า และดอกมะลิที่ให้ความหอมสดชื่น ของหวานโบราณที่สามารถบ่งบอกเรื่องราวของการรู้จักวัตถุดิบพื้นถิ่นของคนไทยในอดีตได้เป็นอย่างดี

ราคาอาหารเริ่มต้นจานละ 220++ บาท ไปจนถึง 1,290++ บาท พร้อมกันนี้ ห้องอาหารเบญจรงค์ ยังมีไวน์คุณภาพเยี่ยมพร้อมเสิร์ฟคู่กับอาหารไทยในราคาแก้วละ 390++ บาท และสำหรับทั้งขวด ราคาเริ่มต้นเพียง 1,890++ บาท

มังคุดยำมะพร้าวคั่ว

‘เบญจรงค์’ ยังเป็นมากกว่าห้องอาหารไทย เพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันน่าจดจำ ห้องอาหารเป็นอาคารหลัก ที่ตั้งอยู่ใน ‘บ้านดุสิตธานี’ ที่งดงามและโดดเด่นสะดุดตาด้วยสถาปัตยกรรมอาคารทรงตะวันตกจากยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และบริเวณโดยรอบที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่ทางกลุ่มดุสิตธานีได้เก็บรักษาโครงสร้างอาคาร และสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ แต่นำมาปรับปรุงตกแต่งใหม่ให้มีกลิ่นอายของความเป็นดุสิตธานี จัดแสงไฟโทนอบอุ่น เพิ่มกลิ่นหอมอโรมา และใส่ดนตรีที่บรรเลงอย่างแผ่วเบา เพื่อสร้างบรรยากาศแบบผ่อนคลาย และเพิ่มรสชาติให้มื้อสำคัญของทุกท่าน และยังนำท่านให้จินตนาการถึงงานบริการระดับโลกของโรงแรมดุสิตธานี ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงยังสอดคล้องกับแนวคิดด้านสุขภาพของดุสิต (Dusit’s Wellness) ในทุกมิติ

“เรามีห้องอาหาร “เบญจรงค์” 10 แห่งในโรงแรมของเราทั่วโลก ซึ่งแต่ละห้องอาหารเป็นตัวแทนของร้านอาหารไทยคุณภาพ ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของรสชาติอาหาร และคุณภาพของการบริการในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี” นาย สเตฟาน แคริก ผู้อำนวยการด้านอาหารและเครื่องดื่ม ของกลุ่มดุสิตธานี กล่าว “พันธกิจที่สำคัญของเรา คือ การยกระดับห้องอาหารเบญจรงค์ ที่บ้านดุสิตธานี นี้ไปสู่ร้านอาหารไทยที่ทุกคนต้องมาลิ้มลองเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยเมนูชุดใหม่ของเราที่ทีมครัวบรรจงสร้างสรรค์อย่างประณีตบรรจง งานบริการที่เป็นเลิศ และบรรยากาศที่หาที่ไหนไม่ได้ในกรุงเทพฯ เป้าหมายสูงสุดของเราคือ การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าได้มากที่สุด ด้วยการนำเสนออาหารและบริการในแบบเหนือความคาดหมายของทุกคน ซึ่งในขณะเดียวกัน เราก็หวังว่า การยกระดับคุณภาพของอาหารและการบริการในครั้งนี้ จะทำให้เราได้รับการคัดเลือกให้เป็นร้านอร่อยใน ‘มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย’ ในอนาคต”

ห้องอาหาร เบญจรงค์ ตั้งอยู่ใน บ้านดุสิตธานี บนถนนศาลาแดง มีที่จอดรถไว้บริการ และสามารถเดินมาได้จากทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสีลม โดยใช้เวลาไม่กี่นาที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งทั้งสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำได้ที่ อีเมล์: info@baandusitthani.com, Official Line Account @baandusitthani เว็บไซต์ www.baandusitthani.com หรือโทร 02 200 9009.

 

 

 

 

 

เกี่ยวกับ บ้านดุสิตธานี

บ้านดุสิตธานี เป็นร้านอาหารแบบสแตนด์ อโลน (Stand Alone) ที่สวยงามมีเอกลักษณ์ ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุข ส่งต่อแรงบันดาลใจ กระตุ้นความทรงจำดี ๆ และสานต่องานบริการอันโดดเด่นของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมเรือธงของกลุ่มดุสิตธานี โดยโรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ แห่งใหม่ อยู่ระหว่างการพัฒนา และคาดว่า จะสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งในปีหน้า โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของ ดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค (Dusit Central Park) โครงการมิกซ์ยูสที่พร้อมเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของกรุงเทพฯ

‘บ้านดุสิตธานี’ ครอบครองสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและงดงาม เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่บนถนนศาลาแดง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานี รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ประกอบด้วยห้องอาหาร 3 แห่ง ได้แก่ ห้องอาหารไทย เบญจรงค์ , อาหารอาหารเวียดนาม เธียนดอง และดุสิต กรูเมต์ แอนด์ การ์เด้น บาร์ นำเสนอความอร่อยในรสชาติที่หลากหลาย และยังเป็นพื้นที่จัดงานแบบไพรเวทในบรรยากาศที่หาจากไหนไม่ได้ในกรุงเทพฯ

บ้านดุสิตธานี เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเพื่อยกระดับประสบการณ์ในทุกการใช้งาน ภายในประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เดิม ที่จัดวางอย่างพิถีพิถันในทุกร้าน เพื่อสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันไป ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร

สำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
สุรีรัตน์ สุดไพรักษ์ | ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ส่วนกลาง | ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร: +66 (0) 2200 9999 ต่อ 3321 | มือถือ: +66 (0) 89 006 8697 | อีเมล: sureerat.sp@dusit.com