หากกล่าวถึงวิสกี้ระดับพรีเมียมที่แรร์และหาใครเปรียบได้ยากแล้ว คงต้องยกให้ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” (Johnnie Walker Blue Label) ที่เผยอัตลักษณ์แห่งความหรูหราและทันสมัย จนเป็นวิสกี้สุดพิเศษสำหรับทุกช่วงเวลาได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะรวบรวมความพิเศษของ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” ที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน
1. One in 10,000: “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” ฉลากสีน้ำเงินนี้ คือสัญลักษณ์ของความแรร์
ล้ำค่าและโดดเด่นที่สุด ในบรรดาซีรีส์ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์” รังสรรค์ความเป็นเลิศ โดย ดร. เอ็มมา วอล์กเกอร์ และทีมมาสเตอร์เบลนเดอร์ ซึ่งบรรจงคัดสรรวิสกี้ที่หายากที่สุดจากทั่วทั้งสี่มุมเมืองของสก็อตแลนด์ โดยมีเพียง 1 ใน 10,000 ถังของวิสกี้ที่สามารถนำมารังสรรค์เป็น “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” จนกลายเป็นวิสกี้ที่สามารถเนรมิตประสบการณ์การดื่มด่ำได้อย่างล้ำลึกในหลากมิติและยากจะหาใครเทียม
2. ล้ำค่าขึ้นไปอีกกับลิมิเต็ด อิดิชั่น: นอกจากความหายากจากเพียง 1 ใน 10,000 ถังแล้ว “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” ยังมีรุ่น “Ghost and Rare” ที่ผ่านการหมักบ่มจากโรงกลั่นสำคัญที่ปิดตัวไปแล้ว ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีก ในจำนวนจำกัด โดยลิมิเต็ด อิดิชั่น รุ่นล่าสุดคือ “Johnnie Walker Blue Label Ghost and Rare Port Dundas”
3. มิติใหม่แห่งการผสานศิลปะเข้ากับสก็อตช์วิสกี้อย่างลงตัว: เพื่อสะท้อนคาแรคเตอร์อันทรงพลังและแรงบันดาลใจของแบรนด์ที่ต้องการให้ทุกคนดึงความพิเศษของตนเองออกมา “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” ได้จับมือกับศิลปินและดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกมากมาย อาทิ เพจ เซา (Page Tsou), แองเจิล เฉิน (Angel Chen) ฯลฯ มาออกแบบลวดลายสุดวิจิตรบรรจงบนผลิตภัณฑ์ อย่างเทศกาลตรุษจีน โดยได้แรงบันดาลใจจากปีนักษัตรและให้สอดล้องกับปรัชญาหลักอย่าง “Keep Walking.”
4. เครื่องดื่มที่ได้รับเลือกจากราชวงศ์อังกฤษ: อีกหนึ่งบทพิสูจน์ความพิเศษของ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” คือ การได้รับพระราชทานตราพระราชลัญจกร ให้เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เสิร์ฟในพระราชวังในประเทศอังกฤษและสกอตแลนด์ อีกทั้งยังมักถูกมอบเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญต่างๆ อีกด้วย
5. ดื่มด่ำได้ในแบบที่ต้องการ กับรสชาติล้ำลึกหลากมิติ: สัมผัสประสบการณ์การดื่มด่ำ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล” ได้ในแบบที่ต้องการ ไม่ว่าจะดื่มแบบไม่ผสม ใส่น้ำแข็ง หรือผสมกับมิกเซอร์ตัวโปรด แต่เราแนะนำการดื่มแบบ NEAT (ไม่ผสม) คู่กับน้ำเย็นจัด ซึ่งเป็นรูปแบบการดื่มที่ดีที่สุด มอบสัมผัสล้ำลึกเสมือนคลื่นแห่งรสชาติหลากมิติ มอบกลิ่นผลไม้ เครื่องเทศและวานิลลา ก่อนตบท้ายด้วยกลิ่นควันบางเบา