นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดกล้องดิจิทัลของไทยในปี 2560 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 310,000 ตัว หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8,600 บาท โดยเซ็กเมนต์กล้อง Mirrorless ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงกว่า DSLR และ Compact อยู่มาก ทำให้ผู้ผลิตกล้องหลายแบรนด์ให้ความสำคัญกับตลาด Mirrorless จึงทำให้เกิดการแข่งขันสูงขึ้นตามไปด้วย และจากการดำเนินธุรกิจผู้จัดจำหน่าย หรือ ดีลเลอร์รายใหญ่ ที่มีกว่า 230 สาขาทั่วประเทศ พบว่าพฤติกรรมการซื้อกล้องดิจิทัลของลูกค้าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมา โดยพบกลุ่มอายุของผู้ใช้งานที่ลดลงเรื่อยๆ มีการค้นคว้าเกี่ยวกับเทรนด์ของกล้องหรือหาข้อมูลผลิตภัณฑ์มาก่อน รวมถึงมีความต้องการรุ่นและสีเฉพาะตัวที่แตกต่าง หรือลิมิเต็ด เอดิชั่น ซึ่งหากเป็นรุ่นที่ทางผู้ผลิตไม่ได้นำเข้ามา หรือไม่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ผู้บริโภคก็จะทำการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์หรือพรี ออเดอร์ (pre-order) ซึ่งวิธีดังกล่าวมีข้อจำกัดหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า การเสียภาษีนำเข้า หรือการไม่รับประกันหากสินค้ามีปัญหา เป็นต้น
บิ๊ก คาเมร่า เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจดังกล่าวจึงนำเอาจุดเด่นด้านการเป็นพันธมิตรทางการค้าที่เข้มแข็งกับแบรนด์ กล้อง ช่างภาพมืออาชีพระดับประเทศ รวมถึงการเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของไทย วางแผนการดำเนินงานโดยใช้กลยุทธ์ “Exclusivity Marketing (เอ็กซคลูซิวิตี้ มาร์เก็ตติ้ง)” เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษแบบเอ็กซคลูซีฟให้กับลูกค้า ทั้งด้านสินค้า (Exclusive Product) บริการ (Exclusive Service) และกิจกรรมพิเศษต่างๆ (Exclusive Activity) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ลูกค้าบิ๊ก คาเมร่า เท่านั้น
โดย Exclusive Product หรือความเอ็กซคลูซีฟด้านสินค้า ได้ร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์กล้องชั้นนำระดับประเทศ เพื่อนำสินค้าในรุ่น หรือสี ที่ได้รับความนิยม หรือเป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น (Limited edition) มาจำหน่ายเฉพาะที่บิ๊ก คาเมร่า เท่านั้น เริ่มต้นปี 2018 ด้วย Fujifilm X-A5 กับรุ่นสีพิเศษได้แก่ สีดำ Dark Silver และสีน้ำตาล Camel และจะมีตามมาเรื่อยๆทั้งปี ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีความเชื่อมั่นในด้านความเป็นมืออาชีพในการจัดจำหน่ายของบิ๊ก คาเมร่า ที่มีถึงกว่า 230 สาขาทั่วประเทศ จึงสามารถมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะสามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างแน่นอน และตั้งเป้าว่าจะเป็นที่จดจำแก่ผู้บริโภคว่าหากต้องการสินค้าในสีและรุ่นพิเศษ จะต้องมาที่บิ๊ก คาเมร่า เท่านั้น สำหรับ Exclusive Service เป็นการเน้นย้ำบริการหลังการขายแบบมืออาชีพ อาทิ การรับประกันสินค้า การให้คำปรึกษาเรื่องการใช้งาน เป็นต้น และสำหรับ Exclusive Activity คือสิ่งที่ตอกย้ำความเหนือกว่าคู่แข่งขันในตลาด คือการจัดกิจกรรมแบบเอ็กซคลูซีฟเพื่อให้ลูกค้า บิ๊ก คาเมร่า ได้เข้าร่วม โดยในแต่ละปีจะใช้งบประมาณในส่วนนี้ ไม่ต่ำกว่า 14,500,000 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมต่างๆ เฉลี่ยกว่า 75 ครั้งต่อปี ได้แก่ กิจกรรมเวิร์คช้อปการถ่ายภาพ ในบรรยากาศและสถานที่ระดับพรีเมี่ยม พร้อมเชิญช่างภาพชื่อดังระดับประเทศมาแนะเทคนิคการถ่ายภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้กล้องให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีลูกค้ากว่า 6,000 รายต่อปี ที่ได้รับความรู้ในการถ่ายภาพและสามารถใช้งานกล้องดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการคืนกำไรให้กับลูกค้า ผ่านกิจกรรมบิ๊ก คาเมร่า บิ๊ก โบนัส ซึ่งลูกค้าผู้โชคดีจะได้ร่วมทริปเวิร์คช้อปถ่ายภาพพร้อมท่องเที่ยว ประเทศในฝัน อาทิ ฝรั่งเศส ออสเตรีย เยอรมนี นิวซีแลนด์ เป็นต้น ซึ่งจะมีทั้งช่างภาพชื่อดังร่วมสอนถ่ายภาพอย่างมืออาชีพ และดารานักแสดงชื่อดังร่วมเป็นนางแบบ
นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้านการทำตลาดแบบ Exclusivity Marketing นี้แล้ว บริษัทฯ ยังคงวางแผนใน การเปิดสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ตามการขยายตัวของห้างสรรพสินค้า ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนในธุรกิจการพิมพ์ (Printing) ซึ่งดำเนินงานภายใต้ชื่อ Wonder Photo Shop นั้น ที่ผ่านมาเปิดไปแล้ว 6 สาขา และปีนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีกอย่างน้อย 4 สาขา รวมเป็น 10 สาขา
นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในปี 2018 ว่า “บิ๊ก คาเมร่า ยังคงใช้ Event Marketing เป็นเครื่องมือหลักในการกระตุ้นยอดขาย โดยอีเว้นท์แรกของปีนี้ คือ “บิ๊ก คาเมร่า เฟสติวัล 2018” (BIG CAMERA FESTIVAL 2018) ซึ่งถือว่าเป็นอีเว้นท์เปิดฤดูกาลขายของกล้องดิจิทัลปี 2018 เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีมีกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพเปิดตัวใหม่หลาย แบรนด์ แต่ยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะเริ่มจัดจำหน่ายปลายมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายน ซึ่งจะตรงกับช่วงที่จัดงานพอดี จึงถือเป็นการจัดจำหน่ายกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดของปีนี้ไว้ในที่เดียว โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-11 เมษายน นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ใช้งบประมาณในการจัดงานรวมทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท
“บิ๊ก คาเมร่า เฟสติวัล 2018” (BIG CAMERA FESTIVAL 2018) จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Capture Hopping” เกาะกระแสคนรุ่นใหม่ที่ชอบตามเก็บทุกเทรนด์ แคปเจอร์ทุกประสบการณ์ใหม่ โดยจัดเป็นคาเมร่ามาร์เก็ตขนาดใหญ่ให้ผู้บริโภคได้เข้ามาเลือกชมสินค้าพร้อมเปรียบเทียบคุณสมบัติของสินค้าแบรนด์ต่างๆ กว่า 30 แบรนด์ พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดกว่า 50% และรับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย ตั้งเป้าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 800,000 คน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ Workshop การถ่ายภาพ เรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพปี 2018 จากช่างภาพสายเทพตัวจริงของเมืองไทย #TopTen Recommended by celeb เบอร์นี้ คนดังกับท็อป 10 โหมดที่ใช่กับไลฟ์สไตล์ที่ชอบในการกดชัตเตอร์ #ItMustHave (ก็ของมันต้องมี) เปิดกระเป๋า Blogger, Reviewer และ Photographer ชื่อดัง ดูไอเท็มไหนที่ต้องพกไว้เพื่อให้ได้ภาพสวยโดนใจ และ บิ๊ก สตูดิโอ (BIG STUDIO) สตูดิโอขนาดใหญ่ที่ยกแหล่ง Hopping สุดฮิตของวัยรุ่นและคนรักการถ่ายภาพมาไว้ภายในงาน พร้อมกับความน่ารัก สดใส ของ 16 เน็ตไอดอลที่มียอดผู้ติดตามสูงสุดในโลกออนไลน์ ให้หนุ่มๆ ได้ลั่นชัตเตอร์ทดสอบฝีมือถ่าย พร้อมชม แฟชั่นโชว์ (Fashion Show) เปิดตัวกล้องดิจิทัลรุ่นใหม่ล่าสุดปี 2018 โดยสาวๆ Capture Hopping ดาวมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย พร้อมกิจกรรมเซอร์ไพรส์!! ในวันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561 กับสาวๆ วง BNK48
ปิดท้ายด้วยกิจกรรมการประมูลกล้องดิจิทัลรุ่นใหม่ล่าสุดก่อนใคร ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1 บาท โดยรายได้จากการประมูลไม่หักค่าใช้จ่าย ร่วมสมทบทุนโครงการ “เปิดตาดีสู่สังคมไทย” หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อคืนแสงสว่างในการมองเห็นให้กับป่วยทางสายตาที่ด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาร