ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค แลนด์มาร์คแห่งไลฟ์สไตล์ใจกลางกรุงเทพฯ

22

โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เมกะโปรเจกต์รูปแบบมิกซ์ยูสที่จะมาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ บนพื้นที่หัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 ใจกลางกรุงเทพมหานคร ได้อัพเดทความก้าวหน้าของโครงการทั้ง 4 ส่วน ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ, โครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส, อาคารสำนักงาน เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค เพื่อสืบสานการเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ในทุกรูปแบบ

ละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค กล่าวถึงแนวคิดการริเริ่มโครงการนี้ว่า จุดเริ่มต้นของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มาจากการที่เราต้องการสร้างที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์คนเมืองในทุกรูปแบบ เพื่อบาลานซ์การใช้ชีวิตที่มีทุกอย่างใกล้มือ และใกล้ชิดธรรมชาติ รวมถึงมีที่อยู่อาศัยที่พร้อมด้วยการบริการแบบครบวงจร นี่คือหลักยึดมั่นของโครงการนี้ว่าเราอยากให้ทุกคนได้ อาศัย ทำงาน และใช้ชีวิต ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งโครงการที่พักอาศัยของเรา เป็นแบรนด์เด็ดเรสซิเดนส์ (branded residence) หมายความว่าเราเป็นเจ้าของเอง เราพัฒนาเอง ดูแลลูกบ้านด้วยตัวเอง ทำให้คนที่มาซื้อเชื่อใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดี

ละเอียด โควาวิสารัช

ดุสิต เรสซิเดนเซส ประกอบด้วยสองลิฟวิ่งคอนเซ็ปต์ (living concept) ได้แก่ ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายเกินกว่า 60% และคาดว่าจะสามารถบรรลุยอดขายราว 70-75% ภายในสิ้นปี 2566 โดยล่าสุดสัดส่วนลูกค้าเป็นชาวไทย 85% ต่างชาติ 15% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะขยับเพิ่มขึ้นตามเป้าที่ตั้งไว้เดิมที่ 35% หลังจากที่ทุกประเทศเปิดให้เดินทางได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้กลุ่มดุสิตธานี ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์และเอเจนท์ รวมถึงได้มีการทำโรดโชว์สำหรับกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธในหลายประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อเป็นอย่างมาก โดยดุสิตฯ ได้ทยอยไปเจาะตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน รวมถึงสหรัฐอเมริกาและยุโรป อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

ละเอียด กล่าวถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยว่า “จากการที่เราได้สัมผัสกับผู้ซื้อ แนวโน้มพฤติกรรมของต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้เปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากแค่การลงทุน มาเป็นการอยู่อาศัยระยะยาว ซึ่งตรงนี้ประเทศไทยมีความพร้อมหลายด้านที่เอื้อประโยชน์ต่อการนี้ อาทิ มีโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพพร้อมส่งต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก และยังมีเทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้า บุคลากรทางการแพทย์ที่มีฝีมือ และสาธารณสุขที่อยู่ในลำดับแนวหน้าของเอเชีย ทั้งนี้มีค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณภาพของบริการที่ได้รับ ทั้งหมดนี้จึงเป็นปัจจัยหลักที่สามารถโน้มน้าวให้ต่างชาติสนใจ มาทำธุรกิจ และอยู่อาศัย รวมถึงสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้”

หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยค่อนข้างให้ความสำคัญถึงการอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีต่อกายและใจ จนเกิดเป็นเทรนด์การพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยคำนึงถึงสุขภาวะและสภาพแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Well-being & Sustainable Residences) โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่การออกแบบ ด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 7 ไร่ (Roof Park) ที่สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของการอยู่ในเมืองที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติได้พร้อม ๆ กัน และสามารถเอื้อประโยชน์แก่ชุมชนโดยรอบ ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และดุสิต พาร์คไซด์ ได้ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การใช้คอนกรีตรีไซเคิล ทุกห้องมีระบบเครื่องทำความเย็นที่สามารถกรองอากาศและ PM 2.5 รวมถึงการทำระบบบำบัดน้ำที่ใช้แล้วมารีไซเคิลเพื่อรดน้ำต้นไม้บนรูฟพาร์ค เป็นต้น

ในส่วนโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ ระดับ 6 ดาว จะพร้อมเปิดให้บริการเป็นเฟสแรกในช่วงกลางปี 2567 บนตึกความสูง 39 ชั้น ด้วยจำนวน 257 ห้องพัก ที่ออกแบบให้ทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของความเป็น ‘ดุสิตธานี’ แบบดั้งเดิม โดยส่วนของออฟฟิศและศูนย์การค้าที่อาศัยความเชี่ยวชาญจากเซ็นทรัลพัฒนาซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนของดุสิตธานีในโครงการนี้ จะเปิดให้บริการเป็นเฟสที่สองในช่วงปลายปี 2567 และโครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์ จะทยอยเริ่มโอนในช่วงปลายปี 2568

“เรามีความมั่นใจในทีมงานของบริษัทและผู้รับเหมาที่เราคัดสรรมาสำหรับโครงการนี้ ดุสิตธานีเดิมซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2513 สู่เรสซิเดนส์และโครงการแบบมิกซ์ยูสในวันนี้ เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ เราเชื่อมั่นว่าที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่พิเศษยิ่งกว่าเดิม เป็นแลนด์มาร์คไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของคนไทย เป็น Here for Bangkok ที่ทุกคนภาคภูมิใจ” ละเอียด กล่าวปิดท้าย