การท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังมรสุมโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไป ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เพียงสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยติดอันดับโลก อาหารไทยที่อร่อยขึ้นชื่อ แต่ยังรวมถึงเสน่ห์ของคนไทย กับรอยยิ้มที่เป็นมิตร ความมีน้ำใจ และการวางตัวเป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น
โดยหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่ถือเป็นด่านหน้าของประเทศคงหนีไม่พ้นเหล่าคนขับรถรับจ้างที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงสองคนขับแกร็บมากประสบการณ์อย่าง ถาวร ต้นประดู่ ดีกรีเจ้าของรางวัลแท็กซี่ใช้ภาษาอังกฤษดีเด่น และ จตุรงค์ บุตรศิริ ที่เข้าร่วมโครงการ “เจ้าบ้านที่ดี” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่มาร่วมแชร์เรื่องราวชีวิตบนเส้นทางหลังพวงมาลัยกับการสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวมาหลายสิบปี
แท็กซี่วัยเก๋า กับชีวิตที่เคยไม่หยุดเรียนรู้
หากมองอย่างผิวเผิน ถาวร ต้นประดู่ หรือ “ลุงถาวร” คนขับแท็กซี่วัย 72 ปี อาจมีภาพลักษณ์ไม่ต่างจากคนขับรถแท็กซี่ทั่วไป แต่หากได้มีโอกาสพูดคุยกับลุงถาวรแล้ว เราจะสัมผัสได้ถึงพลังบวกของคุณลุงใจดีที่กล้าก้าวข้ามคอมฟอร์ตโซน ไม่หยุดพัฒนาตัวเองเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
“ผมเป็นคนอยุธยาที่อยู่กับท้องไร่ท้องนาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นมาก็เป็นเกษตรกรเหมือนที่บ้าน แต่รายได้มันไม่เยอะ แค่พออยู่พอกินไปวันๆ ผมเลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯมาหางานทำ จนสุดท้ายเลือกมาขับรถแท็กซี่ซึ่งทำให้เรามีรายได้ดูแลครอบครัว เมื่อก่อนคนขับแท็กซี่ต้องคอยตระเวนขับรถวนหาลูกค้า หรือไม่ก็ต้องไปจอดรถตามจุดที่จะมีผู้โดยสารเยอะๆ อย่างสนามบิน แต่โชคดีที่ผมได้มารับงานผ่านแกร็บ ทำให้ชีวิตผมง่ายขึ้นเพราะระบบของแกร็บจะคอยส่งลูกค้ามาให้เราอัตโนมัติ ผมเลยยึดการขับ GrabTaxi เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวมากว่า 10 ปีแล้วจนส่งลูกสองคนจนเรียนจบปริญญา ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในฐานะหัวหน้าครอบครัว”
หลังเข้าสู่สังเวียนนักสู้หลังพวงมาลัยมาระยะหนึ่ง ลุงถาวรก็พบกับอุปสรรคสำคัญนั่นคือการสื่อสารกับลูกค้าชาวต่างชาติ ด้วยไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน การพูดภาษาอังกฤษจึงถือเป็นเรื่องยากในชีวิต แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ กลับเปลี่ยนความท้าทายเป็นพลังผลักดันให้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษในวัยเกษียณ
“อาชีพขับรถแท็กซี่มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับลูกค้าต่างชาติ เมื่อก่อนต้องสื่อสารด้วยภาษามือเป็นหลัก รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง จนผมได้ไปลองเข้าอบรมโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษซึ่งแกร็บจัดให้ฟรี แถมในช่วงหลังยังมีคอร์สออนไลน์ผ่านโปรแกรม GrabAcademy เราเลยได้มาฝึกและเรียนรู้ต่อเองที่บ้าน จากที่พูดไม่ได้เลย ทักษะด้านภาษาของผมก็ดีขึ้น จนสามารถอ่านข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวจากโบรชัวร์ภาษาอังกฤษ พูดแนะนำลูกค้าต่างชาติได้คล่องขึ้น พอเขาเห็นว่าเราสื่อสารกับเขาได้ พูดคุยกับเขาได้เหมือนเพื่อน เขาก็ประทับใจ ชวนเราคุยมากขึ้น ผมได้มีโอกาสแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศให้เขารู้จัก เพราะบ้านเรามีแหล่งท่องเที่ยวดีๆ เยอะมาก ทั้งเมืองหลักเมืองรอง พอนักท่องเที่ยวได้รู้ เขาก็อยากกลับมาเที่ยวในบ้านเราอีก ถือว่าอาชีพของเราได้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในตัว”
“นอกจากความรู้ด้านภาษาที่ช่วยให้เราสามารถสื่อสารกับเขาได้ง่ายขึ้นแล้ว ผมมองว่าสิ่งที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวคงเป็นเรื่องของมารยาทและการแสดงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ อย่างการช่วยยกกระเป๋า หรือการให้ข้อมูลหรือคำแนะนำเมื่อเขาสอบถาม เราต้องพร้อมให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ ที่สำคัญคือต้องมีความจริงใจและความซื่อสัตย์ เพียงแค่นี้เราก็ได้ใจลูกค้าทั้งคนไทยและคนต่างชาติแล้วครับ” ลุงถาวรพูดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
หนุ่มใหญ่นักขับ กับหัวใจรักบริการ
“เอก” จตุรงค์ บุตรศิริ คนขับแกร็บคาร์วัย 57 ปี ที่ผ่านงานหลายอย่างมาแล้วในชีวิต ตั้งแต่เป็นพนักงานออฟฟิศ เปิดธุรกิจของตัวเอง จัดรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวให้กับโรงแรม ก่อนจะมาลงตัวกับการขับแกร็บที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเขามากที่สุด ทั้งความอิสระ รายได้ และความสุขที่ได้ให้บริการผู้คน
“ผมเริ่มมาขับแกร็บครั้งแรกเพราะเพื่อนสนิทที่ชลบุรีแนะนำ ช่วงแรกผมจะขับรถจากบ้านไปพัทยาทุกวันเพื่อไปตั้งต้นรับผู้โดยสารที่นั่น ตอนนั้นผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ผมคุ้นเคยการทำงานกับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว แถมพอพูดภาษาอังกฤษได้เลยไม่กังวล พอเริ่มขับชำนาญขึ้นก็ตัดสินใจมาขับรถในกรุงเทพฯ จนถึงวันนี้ก็เกือบ 10 ปีแล้วที่ผมยึดอาชีพขับแกร็บเพื่อหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว ถือเป็นอาชีพที่ผมภูมิใจเพราะทำให้ผมสามารถส่งลูกชายวัย 13 ขวบเรียนโรงเรียนอินเตอร์ได้”
ด้วยความที่เป็นคนขยันและไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ล่าสุดเอกได้เข้าร่วมการอบรมการเป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ที่จัดขึ้นโดย ททท. เพื่อเตรียมพร้อมการเป็นด่านหน้าที่คอยให้บริการนักท่องเที่ยว และสามารถนำความรู้ไปต่อยอดการทำงานของเขาด้วย
“ตั้งแต่เปิดประเทศนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวเมืองไทยเยอะขึ้นมาก ต้องบอกว่า 80% ของผู้โดยสารของผมคือนักท่องเที่ยวเลย แน่นอนว่าในฐานะคนขับรถรับจ้าง ผมมองว่าเราเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ผมคิดเสมอว่าเราจะช่วยทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยสร้างความประทับใจให้กับพวกเขา สำหรับผมอย่างแรกเลยคือ รถจะต้องสะอาด นั่งสบาย แอร์เย็นฉ่ำ ต่อมาคือการสื่อสารกับลูกค้า บางครั้งแค่ทักทายเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ ก็ช่วยสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว
อย่างในคอร์สอบรม GrabAcademy ก็จะมีตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษที่จำลองสถานการณ์มาแล้ว เราสามารถนำมาปรับใช้ในการสื่อสารเวลาที่เจอนักท่องเที่ยวได้ และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น เราก็ควรจะสามารถแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้หากนักท่องเที่ยวสอบถาม”
“บางครั้งการสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะเป็นแค่การแสดงน้ำใจหรือท่าทางที่เป็นมิตร ยิ้มแย้มให้กับชาวต่างชาติ อย่างล่าสุดลูกค้าชาวเกาหลีขอให้ผมสอนภาษาไทยให้ ซึ่งผมก็ยินดีมากๆ ได้สอนคำทักทายพื้นฐานอย่าง สวัสดี หรือ ขอบคุณ รวมถึงประโยคสั้นๆ ที่จำง่ายๆ ให้เขาไปหัดพูด และเขาก็สอนภาษาเกาหลีกลับมาให้ผมด้วย เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ช่วยสร้างมิตรภาพและสร้างความประทับใจไปยาวๆ” เอกพูดพร้อมรอยยิ้ม