กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดพิธีมอบรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมปี 2566 (Design Excellence Award 2023) หรือ รางวัล DEmark เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ประกอบการและนักออกแบบไทยที่ประสบความสำเร็จด้านการออกแบบดีเด่น ในสาขาต่างๆ ในปีนี้ จำนวน 78รายการ เป็นการยกระดับสินค้าและบริการไทยให้เป็นที่ยอมรับแพร่หลาย ผ่านเครื่องหมายรับรอง DEmark ใบเบิกทางสู่ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ
ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “เพื่อผลักดันการค้าระหว่างประเทศเชิงรุก และเสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบการไทย กรมมุ่งหวังผลักดันให้รางวัล DEmark เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการที่โดดเด่นด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มและความเชื่อมั่นให้สินค้าของไทย สร้างจุดแข็งให้ตอบสนองความต้องการของตลาดโลกในเศรษฐกิจยุคใหม่ได้
รางวัล DEmark จะสนับสนุนให้ทุกท่านได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด โดยตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมาของโครงการ DEmark ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สินค้าเพื่อตอบสนองคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้บริโภค ตลอดจนการยกระดับสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดสากล กรมจะยังคงเดินหน้าผลักดัน และส่งเสริมนักออกแบบไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก เพื่อจุดหมายสูงสุดในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นแหล่งรวมสินค้าที่มีการออกแบบดีของโลกต่อไป”
ประอรนุช ประนุช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กล่าวเสริมว่า “รางวัล DEmark ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Brave The Wave of Creation คลื่นพลังสร้างสรรค์งานดีไซน์ไทย” โดยมุ่งหวังที่จะสื่อสารศักยภาพด้านการออกแบบไทยที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก
โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบสินค้าที่มีความสวยงาม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ประโยชน์ใช้สอย มีความเป็นนวัตกรรม และคำนึงถึงการออกแบบตามแนวทาง BCG MODELที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการออกแบบอย่าง
ยั่งยืน อาทิ การใช้เทคโนโลยีเศรษฐกิจชีวภาพ การจัดการทรัพยากรวัตถุดิบหมุนเวียน มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพื่อเป็นแบบอย่างในการพัฒนาด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมสาขาต่างๆในประเทศ”
รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม หรือ รางวัล DEmark ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551 โดยในปีนี้เข้าสู่ปีที่ 16 และได้รับความร่วมมือจากสถาบันส่งเสริมการออกแบบแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Institute of Design Promotion (JDP) ในการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญจากรางวัล G-mark ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรางวัลด้านการออกแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มาร่วมพิจารณาตัดสิน DEmarkและสนับสนุนผลงานที่ได้รับรางวัล DEmark เข้าร่วมการประกวดรางวัล G-mark ประเทศญี่ปุ่น มาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากผู้สนับสนุน อาทิ SIAMPIWAT ที่ให้การสนับสนุนพื้นที่ในการจัดแสดงสินค้า ที่ส่งเข้าประกวดเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาและให้ผู้ชมสนใจทั่วไปเข้าชม รวมทั้งส่งเสริมโอกาสทางการค้าให้สินค้ารางวัล Demark เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
โดยในปีนี้ มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดกว่า 600 รายการทั่วประเทศ ครอบคลุม 7 ประเภทอุตสาหกรรมการออกแบบ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในเวทีโลก โดยมีผลงานที่ผ่านการคัดกรองเบื้องต้นและเข้าร่วมพิจารณาตัดสินรางวัล ระหว่างวันที่ 13 – 16 มิถุนายน 2566 จำนวน 572 ผลงาน และได้รับรางวัล DEmark ในสาขาต่างๆ จำนวน 78 รายการ ใน 7 สาขารางวัล ดังนี้
(1) กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ (Industrial Process/ Industrial Craft) จำนวน 13 ผลงาน
(2) กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น (Gift & Decorative Items/ Household Items/ Creative & Innovative Fashion/ Apparel/ Jewelry/ Textile/ etc.) จำนวน 11 ผลงาน
(3) กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและดิจิทัล (Home Appliances/ Equipment and Facilities for Office/ Digital Appliances/Equipment /IoT / etc.) จำนวน 9 ผลงาน
(4) กลุ่มผลงานออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) จำนวน 13 ผลงาน (5) กลุ่มผลงานกราฟิกดีไซน์ (Font/ Graphic on Surface/ Digital Media/ Identity Design/ Illustration/ Character/ Digital Art) จำนวน 22 ผลงาน
(6) กลุ่มผลงานออกแบบตกแต่งภายใน ที่เกี่ยวข้องกับ โรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้า พื้นที่ทํางานร่วมกัน อาคารชุด (Hotel/ Restaurant/ Cafe/ Retail Shop/ Co-Working Space/Condominium Project) จำนวน 6 ผลงาน
(7) กลุ่มผลงานออกแบบระบบ บริการและแพลตฟอร์มดิจิทัล (Systems, Services, Digital Platform, Online Interface Design, Apps for Smartphones and Tablets, Website) จำนวน 4 ผลงาน
โดยผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปี 2551 มีสินค้าจากทั่วประเทศที่ได้รับรางวัล DEmark แล้วจำนวนทั้งสิ้น1,159 รายการ ได้รับรางวัล Good Design Award (G-mark) จากประเทศญี่ปุ่นแล้ว 531 รายการ นอกจากนี้ ผลงานการออกแบบที่ได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละสาขาในปีนี้ จะได้รับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2566 (Prime Minister’s Export Award 2023) ประเภทรางวัลสินค้าไทยที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) จากนายกรัฐมนตรี ได้แก่
– เก้าอี้ LA DA COLLECTION – LOUNGE CHAIR โดย บริษัท เอ.เอ็ม.โอ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
– โคมไฟ Marni โดย ครูแมกสตูดิโอ
– โดรน TIGERDRONE 2 โดย บริษัท เอชจี โรโบติกส์ จำกัด
– บรรจุภัณฑ์ EDGE MINERAL WATER โดย พร้อม ดีไซน์
– นิทรรศการ WHAT DOES MATTER? โดย บริษัท พิงค์บลูแบล็คแอนด์ออเร้จน์ จำกัด
– โรงแรมอุไทย เฮอริเทจ โดย ซูเปอร์กรีน สตูดิโอ
– แอปพลิเคชัน Get A โดย บริษัท ดีเวอร์ฮูด เอชที จำกัด เป็นต้น
สำหรับผู้ได้รับรางวัล DEmark จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น สามารถใช้โลโก้ DEmark เป็นเครื่องมือทางการตลาดในการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ สร้างการยอมรับแก่ผู้บริโภคในด้านคุณภาพและมาตรฐานการออกแบบสินค้าในระดับสากลได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ได้รับการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการโฆษณาในสื่อชั้นนำระดับโลกต่างๆ รวมทั้งนำสินค้าไปจัดแสดงนิทรรศการทั้งในและต่างประเทศ โดยผู้ที่ได้รับรางวัล DEmark 2023 จะได้เข้ารอบ 2 ของการประกวดรางวัล G-Mark ประเทศญี่ปุ่นโดยทันที
และผู้ที่ได้รับรางวัล G-mark จะได้เข้าร่วมจัดแสดงในงาน Good Design Exhibition 2023 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในปีนี้รางวัล G-mark จะประกาศผลอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2566นอกจากนี้ ยังได้รับการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์และโอกาสทางการค้าในเวทีสำคัญด้านการออกแบบระดับโลก เช่น งาน Milan Design Week อิตาลี เป็นต้น
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารรางวัล DEmark ผ่านทาง Facebook page: DEmark Thailand และทางเว็บไซต์ www.demarkaward.net และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สายด่วน 1169