“A LUSH LIFE, WE BELIEVE…” ปรัชญาและความเชื่อมั่นอันแรงกล้าของแบรนด์ LUSH

20

LUSH (ลัช) แบรนด์เครื่องสำอางทำมือจากประเทศอังกฤษที่มีผลิตภัณฑ์โด่งดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บาธบอมบ์ (Bath Bomb) ที่ทำฟองแบบก้อน (Bubble Bar) แชมพูก้อน (Shampoo Bar) น้ำยาบ้วนปากแบบเม็ด (Toothy Tabs) และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ท่ามกลางเทรนด์ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มากมาย

ฟิลลิป อเล็กซานเดอร์ ผู้บริหาร LUSH Thailand (ลัช ประเทศไทย) เล็งเห็นว่า ลัช ประเทศไทย มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จึงได้นำ ลัช เข้ามาเปิดตัวครั้งแรก ณ ประเทศไทย ที่ ห้างสยามเซ็นเตอร์ ชั้น G เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2559 ซึ่งเป็นร้าน ลัช สาขาแรกในประเทศไทย และยังเป็นสาขาสัญลักษณ์ (Flagship Store) อีกด้วย หลังจากการเปิดตัวในเดือนธันวาคมภายในปีนั้น LUSH ได้กลายมาเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สร้างความประทับใจให้กับสังคมคนกรุงที่ใส่ใจในสุขภาพ และมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย “ในประเทศไทยเรามีฐานแฟนคลับของลัช หรือที่เราเรียกว่า ‘ชาวลัชชี่’ กลุ่มคนที่ชื่นชมแบรนด์ของเราค่อนข้างเหนียวแน่น เมื่อเราเข้ามาเปิดสาขาในเมืองไทยจึงทำให้เราได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น จากชาวลัชชี่ ที่เฝ้ารอคอย”

“เมื่อเราเปิดสาขาแรกได้ไม่นานกระแสการตอบรับดีจนต้องมีการทยอยขยายสาขาเพิ่มขึ้นตามลำดับ ถือว่ายอดขายในปีแรกเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้สูงมาก ๆ” เพ็ญพิชญาญ์ อเล็กซานเดอร์ อีก 1 ในผู้บริหาร LUSH Thailand กล่าว

ผลิตภัณฑ์ LUSH มีชื่อเสียงในต่างประเทศจากผลิตภัณฑ์สำหรับการแช่น้ำ การทำการตลาดในเมืองไทยที่เป็นประเทศที่ไม่มีวัฒนธรรมการแช่น้ำ LUSH จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย และแบรนด์ต้องทำการสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคคนไทยมากขึ้นว่า LUSH ไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์แช่น้ำ อย่างเช่น Bath Bomb หรือ Bubble Bar เท่านั้น เรามีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่หลากหลาย สามารถใช้ได้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า น้ำหอมของ LUSH ก็เป็นอีก 1 ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ที่ลัชชี่ชื่นชอบและให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากความเป็นเอกลักษณ์ทางกลิ่น รวมไปถึงรูปลักษณ์ที่เข้ากับทุกยุคทุกสมัย

นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเพศอะไร หรืออยู่ในช่วงอายุเท่าใด LUSH ก็ได้ทำการคิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อเป็นการรองรับทุกความต้องการของทุกคน รวมไปถึงมีเป้าหมายที่จะสร้างการปฏิวัติวงการเครื่องสำอางและเป็นที่หนึ่งในเครื่องสำอางทุกหมวดหมู่ ตามแผนการเครื่องสำอางลับสุดยอด (Secret LUSH Master Plan) ของมาร์ค คอนสแตนติน 1 ในผู้ก่อตั้ง LUSH

สำหรับในประเทศไทยนั้น ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ และลัชชี่ให้ความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง คือ มาสก์หน้าสด (Fresh Face Masks) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ขายดีที่สุด ตั้งแต่ LUSH ประเทศไทยเปิดให้บริการมา จนทำให้ LUSH ประเทศไทยต้องเปิด “ห้องครัวลัช” (LUSH Kitchen) เพื่อทำการผลิตภัณฑ์มาสก์หน้าสดและเคล็นเซอร์สดในประเทศไทย ตอบสนองความต้องการลัชชี่ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์สดใหม่มากที่สุด และมีอายุการใช้งานได้นานที่สุด จากฝีมือการผลิตของผู้ผสมผลิตภัณฑ์ชาวไทย (Compounder) นอกจากนี้ยังมีการผลิตมาสก์ตาแบบสด (LUSH’s Eye Pads) ที่มีหลากหลายสูตรให้ลัชชี่ได้เลือกสรร รวมไปถึงมาสก์หน้าแบบเจลลี่ (Jelly Masks) ที่แม้ว่าในปัจจุบันจะไม่จำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้แล้ว แต่ลัชชี่ก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนั้นเช่นกัน

LUSH มีความชัดเจนในเรื่องของจริยธรรมอยู่ 6 เรื่อง คือ

1. ใช้ส่วนผสมที่สดที่สุด (Freshest Cosmetics) ยิ่งสดเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับประโยชน์ต่อผิวมากขึ้น
2. ไม่ทดลองผลิตภัณฑ์กับน้องสัตว์ (Fighting Animal Testing)
3. ซื้อขายแลกเปลี่ยนวัตถุดิบอย่างเป็นธรรม (Ethical Buying)
4. ผลิตภัณฑ์ 100% เป็นมังสวิรัติ (100% Vegetarian) และประมาณ 94% เป็นวีแกน (Vegan)
5. ทำผลิตภัณฑ์ด้วยมือ (Handmade) ให้ความสดใหม่ และใช้สารกันเสียจากธรรมชาติ
6. ผลิตภัณฑ์ที่ไร้บรรจุภัณฑ์ (Naked Packaging) เป็นการลดปริมาณพลาสติกและขยะ

LUSH ยังมีความเชื่อว่า การทำธุรกิจที่ยึดแนวคิดในแบบฉบับของ LUSH จะส่งผลเชิงบวกในทุก ๆ ด้านที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ ตั้งแต่การเริ่มต้นกระบวนการต่าง ๆ จนถึงกระบวนการสุดท้าย จะก่อให้เกิดเป็นความยั่งยืน และการส่งต่อสิ่งดี ๆ ต่อไปให้กับผู้บริโภคแบบไม่รู้จบ ซึ่งนอกจากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และผลลัพธ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว เรายังมีความชัดเจนในเรื่องของจริยธรรม หรือ Brand Values ที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ชัดเจน สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ LUSH มีความโดดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ LUSH จึงสามารถครองใจคนทั่วโลกมาอย่างยาวนานด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของ “คุณค่า” และ “โอกาส” ที่มีอยู่ในตัวเราทุกคนและเป็นสิ่งที่ทุกคนสมควรได้รับอย่างเท่าเทียม