หากคุณคือผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ในการธุรกิจ ด้วยการนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นมาจำหน่าย บทความนี้เราสรุปเรื่องที่คุณควรรู้ก่อนใช้บริการ Shipping นำเข้าสินค้าLMจากญี่ปุ่นเอาไว้ครบ แค่อ่านจบก็เริ่มต้นทำธุรกิจได้เลย!
รู้จักกันก่อน: Shipping นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น คืออะไร ทำหน้าที่อะไรบ้าง
บริษัท shipping หรือบริษัทชิปปิ้ง คือ บริษัทที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจ้าของสินค้าหรือลูกค้า ในการติดต่องานด้านเอกสารสำหรับการส่งออกหรือนำเข้าสินค้า โดยการติดต่อกับหน่วยงานกรมศุลกากรเพื่อผ่านพิธีการศุลกากร และนอกจากนั้นยังมีการให้บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออก เช่น ประสานงานกับบริษัทขนส่งหรือธนาคาร โดยที่เราไม่ต้องดำเนินการด้วยตัวเอง
หน้าที่หลักของบริษัท Shipping นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น
- ติดต่อกับกรมศุลกากรเพื่อขอใบอนุญาตนำเข้าหรือส่งออกสินค้า
- จัดทำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าหรือส่งออกสินค้า เช่น ใบขนสินค้า ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นต้น
- ประสานงานกับบริษัทขนส่งเพื่อดำเนินการขนส่งสินค้า
- เคลียร์สินค้าผ่านศุลกากร
กล่าวได้ว่า บริษัท Shipping นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าและส่งออกสินค้าให้กับผู้ประกอบการ เนื่องจากช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดภาระงานด้านเอกสารและพิธีการศุลกากรได้ นอกจากนี้ บริษัท shipping ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าได้อีกด้วย
ข้อดีของการใช้บริการบริษัท Shipping นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น
- สะดวกและรวดเร็ว: ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเวลาในการติดต่อประสานงานกับบริษัทขนส่งหรือหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะบริษัท Shipping จะทำหน้าที่ให้ทั้งหมด
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: บริษัท Shipping มีเครือข่ายการขนส่งที่กว้างขวาง ทำให้สามารถหาเส้นทางขนส่งที่มีต้นทุนต่ำได้
- ลดความเสี่ยง: บริษัท Shipping มีทีมงานที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทำให้สามารถลดความเสี่ยงที่สินค้าจะสูญหายหรือเสียหายระหว่างการขนส่งได้
ก่อนใช้บริการ Shipping นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น ต้องพิจารณาอะไรบ้าง
- ประเภทสินค้า: ประเภทของสินค้ามีผลต่อประเภทการขนส่ง เงื่อนไขการขนส่ง และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เช่น สินค้าที่มีน้ำหนักมากหรือมีขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้การขนส่งทางเรือหรือทางเครื่องบิน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการขนส่งทางบก
- น้ำหนักและขนาดสินค้า: สินค้าที่มีน้ำหนักมากหรือมีขนาดใหญ่ จะมีค่าขนส่งสูงกว่าสินค้าที่มีน้ำหนักน้อยหรือมีขนาดเล็ก
- มูลค่าสินค้า: โดยสินค้าที่มีมูลค่าสูง จะต้องเสียค่าธรรมเนียมศุลกากรสูงกว่าสินค้าที่มีมูลค่าต่ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อภาระต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นได้
- ระยะเวลาขนส่ง: ระยะเวลาขนส่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะหากใช้ระยะเวลาที่นานเกินไป ก็อาจทำให้ลูกค้าปลายทางเกิดความไม่พอใจได้
- ความน่าเชื่อถือของบริษัท Shipping: ผู้ประกอบการควรเลือกใช้บริการ Shipping นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น จากบริษัทที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือ มีทีมงานที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการขนส่งจากบริษัท Shipping นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นหลาย ๆ แห่ง เพื่อให้ได้บริษัทที่มีบริการครอบคลุม และมีราคาที่คุ้มค่า ตอบโจทย์กับการทำธุรกิจมากที่สุด