บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC ผู้นำธุรกิจเกษตรและอาหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 76 ปี ประกาศความสำเร็จในปี 2566 ด้วยยอดขายทะลุ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมเผยกลยุทธ์มุ่งสู่ความเป็นผู้นำในตลาดเกษตรและอาหารระดับโลกภายในปี 2573 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและก้าวสู่ความยั่งยืน โดยไทยวาได้เริ่มโครงการใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จมากมายในปี 2567 และในอนาคต
ในปี 2566 ไทยวาได้ฉลองความสำเร็จจากการเป็นหนึ่งในบริษัทด้านเกษตรและอาหารที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความสำเร็จที่สำคัญ เช่น การส่งออกสินค้าเติบโตขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และธุรกิจอาหารมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้นที่ 7% อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายโรงงานแห่งใหม่ในกัมพูชาและการเปิดสำนักงานในอินเดีย บริษัทยังมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในจีนและอินโดนีเซีย ควบคู่กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้และกำไรให้บริษัทอย่างแข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจแป้งมันสำปะหลังชนิดพิเศษก็มีอัตราเติบโตของกำไรในพอร์ตโฟลิโอสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง มากกว่า 25%
นอกจากนี้ จากความทุ่มเทดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG ที่ผ่านมา ทำให้ไทยวาได้รับการยอมรับในด้านนี้ ซึ่งรวมถึงการได้เรตติ้ง ESG ระดับ A จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และการคว้ามาตรฐานความยั่งยืนด้านฟาร์มจากแพลตฟอร์ม SAI รวมถึงการเป็นเจ้าภาพการประชุม SEA Agri Food Roundtable ครั้งที่ 2 ในกรุงเทพฯ
โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยวาได้วางแผนและพัฒนาพอร์ตโฟลิโอของผลิตภัณฑ์ให้มีความสมดุลในระดับโลก ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างการเติบโตของเรา ไทยวาเป็นหนึ่งในบริษัทเกษตรและอาหารเพียงไม่กี่รายในภูมิภาคนี้ ที่มีศักยภาพครบวงจรนับตั้งแต่ ‘แหล่งผลิตจนส่งมอบถึงมือผู้บริโภค’ เราพร้อมที่จะนำจุดแข็งเหล่านี้มาแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จากความต้องการในตลาดที่ยังมีอยู่อีกมากในด้านวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีราคาคุ้มค่า”
ในปี 2567 ไทยวามุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจอาหารซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% ให้แก่ธุรกิจโดยรวม บริษัทจะปรับกลยุทธ์ของพอร์ตโฟลิโอโดยขยายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและเครื่องปรุงออร์แกนิกให้มากขึ้น
ในแง่ของกลไกขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจ ไทยวายังเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ๆ โดยตั้งเป้าสร้างการเติบโตในส่วนนี้ที่ 1 พันล้านบาทภายในปี 2573 ซึ่งจะมุ่งไปที่การพัฒนาโซลูชันปุ๋ยเกษตรชีวภาพภายใต้โมเดลเกษตรยั่งยืนและเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูของไทยวา ที่ส่งผลดีต่อความพยามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัทอีกด้วย นอกจากนี้ไทยวายังโปรโมทโซลูชันไบโอพลาสติกที่ยั่งยืนของบริษัท เพื่อเพิ่มความต้องการใช้งานในตลาดเป้าหมาย ได้แก่ ไทย กลุ่มประเทศยุโรป และเกาหลีใต้ ผ่านช่องทางและรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ โดยธุรกิจใหม่ที่กล่าวมายังสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรในเอเชียแปซิฟิกเพาะปลูกอย่างยั่งยืนและทำเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู
ไทยวายังร่วมสร้างอีโคซิสเท็มด้านเกษตรและอาหารที่ยืดหยุ่น โดยส่งเสริมแนวทางเกษตรที่ยั่งยืนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตั้งเป้าสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่เกษตรกรในภูมิภาคนี้ให้ได้มากกว่า 1 ล้านรายภายในปี 2573 สิ่งเหล่านี้ทำให้ ไทยวาได้รับการรับรองมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนจากแพลตฟอร์ม Sustainable Agriculture Initiative หรือ SAI ในระดับซิลเวอร์ สำหรับไร่มันสำปะหลังในไทยและกัมพูชา ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของไทยวาในการสรรหาวัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืน
“ด้วยกลยุทธ์และการดำเนินงานเหล่านี้ เรามั่นใจว่าไทยวาจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเกษตรและอาหารระดับโลกได้ภายในปี 2573 พร้อมทั้งร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต เราจะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรม ส่งเสริมความยั่งยืน และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจอยู่” นาย โฮ เรน ฮวา กล่าว
ปัจจุบัน TWPC เป็นธุรกิจเกษตรและอาหารชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยดำเนินธุรกิจอยู่ใน 7 ประเทศ และมีโรงงานและสำนักงานทั้งหมด 17 แห่ง มีพอร์ทโฟลิโอที่ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้บริโภค แป้งมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังดัดแปร รวมถึงวัตถุดิบในการประกอบอาหารสำหรับ B2B และผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติกจากแป้งมันสำปะหลังภายใต้แบรนด์ ROSECO ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในพอร์ตโฟลิโอของไทยวา ประกอบด้วย แป้งมันสำปะหลัง แป้งดัดแปร น้ำเชื่อมกลูโคส ไข่มุกมันสำปะหลัง และแป้งข้าวเจ้า รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์อาหารอีกมากมาย เช่น วุ้นเส้น เส้นหมี่ ชุดอาหารและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก