เอ้ก ดิจิทัล คว้า 2 รางวัล จาก MAAT Media Awards 2024

28

เอ้ก ดิจิทัล (EGG Digital) ผู้นำธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ให้บริการสื่อโฆษณาครบวงจรและการให้คำปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลสัญชาติไทย โชว์ผลงานโดดเด่นคว้า 2 รางวัล จากเวที MAAT Media Awards 2024 จัดโดยสมาคมมีเดียเอเจนซีและธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT)

โดยแบ่งเป็น Gold Award 1 รางวัล ซึ่งมีเพียง 10 แคมเปญที่ได้รับรางวัลระดับนี้ และ Bronze Award 1 รางวัล ตอกย้ำความสำเร็จและศักยภาพในการวางแผนการสื่อสารและการทำการตลาดผ่านสื่อ ซึ่งใช้ศักยภาพของ First-Party Data 720 องศา, AI/ML และสื่อ O4s (Online, OOH, On-Premise, On-Ground) ที่เชื่อมต่อทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์มาเป็นหัวใจสำคัญในการวางกลยุทธ์ สร้างสรรค์คอนเทนต์ เลือกใช้สื่อ รวมไปถึงมอนิเตอร์และวัดผลแคมเปญแบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อให้ผู้บริโภค สร้างประโยชน์รอบด้านให้ธุรกิจลูกค้า และสนับสนุนแบรนด์ต่าง ๆ สู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย

นายชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Media Convergence บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ธุรกิจ Media Convergence สามารถคว้ารางวัลจากงาน MAAT Media Awards 2024 ซึ่งเป็นเวทีอันทรงเกียรติสำหรับแสดงความสามารถด้านการวางกลยุทธ์และความคิดสร้างสรรค์ผ่านสื่อและโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในไทย การได้รับรางวัลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นด้านเทคโนโลยี มีเดียแพลตฟอร์ม ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิทัศน์สื่อ ธุรกิจลูกค้า ความต้องการตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา รวมไปถึงความทุ่มเทของทีมดูแลลูกค้า, ทีมกลยุทธ์, ทีมนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และทีมปฎิบัติการ ที่ร่วมกันส่งมอบผลงานที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละแบรนด์ได้อย่างเหนือชั้น”

ในปีนี้ MAAT Media Awards จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้คอนเซปต์ “Divergence: The Art of Future Thinking” มีผู้ประกอบธุรกิจสื่อและเอเจนซีมีเดียส่งผลงานเข้าประกวดกว่า 229 ผลงาน ซึ่ง “เอ้ก ดิจิทัล” ส่งผลงานเข้าประกวดจำนวน 7 ผลงาน ได้รับคัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย จำนวน 5 ผลงาน และคว้า MAAT Media Awards ได้ถึง 2 รางวัล ประกอบด้วย Gold Award 1 รางวัล สาขา Best Media Strategy จากแคมเปญ Listerine Decisive Moment Triggers และ Bronze Award 1 รางวัล สาขา Effectiveness Awards จากแคมเปญ The Impact of Hygiene 5x Fragrance

ความสำเร็จของทั้ง 2 แคมเปญจากการวางกลยุทธ์การสื่อสารด้วย First-Party Data, AI และ สื่อ O4s
• แคมเปญ Listerine Decisive Moment Triggers: ใช้ AI วิเคราะห์และแบ่งกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญออกเป็น 1) กลุ่มลูกค้าเดิม 2) กลุ่มเป้าหมายใหม่ (New Category) ซึ่งแบ่งได้ 3 กลุ่มคือ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม กลุ่มลูกค้าที่ซื้อของแห้ง และกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออาหารสด วางกลยุทธ์การสื่อสารผ่าน Omnichannel Media ที่ประสานการทำงานของสื่อ Online และสื่อ On-Premise ในรูปแบบ Extra Shelf Display บริเวณสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายใหม่เดินช้อปปิ้ง เช่น แชมพู, เครื่องดื่ม 3 in 1, ผักสดและอาหารสด เป็นต้น พร้อม Tailor-made คอนเทนต์ให้ตรงกับความสนใจกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม โดยคอนเทนต์บนออนไลน์และชั้นวางสินค้าจะต้องสอดคล้องกันเพื่อสร้างการรับรู้แบบไร้รอยต่อ นำไปสู่การปิดการขายในที่สุด ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่และสร้างยอดขายจากกลุ่มนี้ได้มากถึง 44% ของยอดขายรวม

• แคมเปญ The Impact of Hygiene 5x Fragrance: สร้างการรับรู้อย่างไร้รอยต่อผ่านสื่อ O2O2O เพื่อเพิ่มยอดขายจากกลุ่มลูกค้าเดิมและชิงลูกค้าจากแบรนด์คู่แข่ง มีการใช้สื่อ OOH หรือ Shoppers’ Digital Screen สื่อ Online และสื่อ On-Premise กำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบเน้นคุณภาพและสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะกับแต่ละสื่อ โดยสามารถผลักดันแบรนด์สู่ผู้นำตลาดน้ำยาปรับผู้นุ่มได้สำเร็จ ช่วยเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ถึง 36% ซึ่งเป็นลูกค้าที่เปลี่ยนจากแบรนด์คู่แข่งถึง 16%

“นักโฆษณาในยุคนี้ต้องปรับตัวให้ทันต่อไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยปัจจุบันผู้บริโภคใช้ชีวิตแบบผสมผสานโลกดิจิทัลและโลกจริงเข้าด้วยกัน มีการเสพสื่อและคอนเทนต์ที่หลากหลาย รวมถึงตัดสินใจซื้อในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่ง ‘การผสานพลัง First-Party Data 720 องศา, AI/ML และสื่อ O4s’ เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เอ้ก ดิจิทัลสามารถตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ โดยเรานำ First-Party Data จากพันธมิตรห้างค้าปลีกและ Third-Party Data มาวิเคราะห์ด้วย AI และ ML จากนั้นนำอินไซท์ที่ได้มาวางกลยุทธ์การสื่อสารที่ตอบโจทย์ โดยเรามีสื่อ O4s ที่เชื่อมต่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ ทั้งสื่อออนไลน์ (Online) สื่อโฆษณานอกบ้าน (Out-of-Home) หรือ Shoppers’ Digital Screen สื่อในห้างค้าปลีก ณ จุดขาย (On-Premise) และกิจกรรมส่งเสริมการขายในห้าง (On-Ground Activation) นอกจากนี้ยังใช้ AI มอนิเตอร์ KPI แบบเรียลไทม์ เพิ่มผลลัพธ์โฆษณาด้วยการอัปเดตกลุ่มเป้าหมายตลอดเวลา (Dynamic Audience Targeting) และจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างประโยชน์รอบด้านให้ธุรกิจลูกค้าและสนับสนุนแบรนด์ต่าง ๆ สู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย” นายชัชพล กล่าวทิ้งท้าย