BCH ผนึก “เมดีซ กรุ๊ป” เปิดแผนดูแลสุขภาพด้วยธนาคารสเต็มเซลล์

30

สัดส่วนผู้สูงอายุในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปี จนทำให้ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของคนไทยขยับจาก 77 ปี (ปี 2566) เป็น 79 ปี (ปี 2567) นั่นอาจจะสะท้อนถึงพัฒนาการและความสามารถในการดูแลตัวเองของคนในทุกวันนี้

แต่อายุที่ยืนยาวขึ้นไม่ใช่สิ่งที่บอกถึงคุณภาพชีวิตที่ดีเสมอไป เทคโนโลยีทางการแพทย์จึงมุ่งไปสู่ “การสูงวัยอย่างมีคุณภาพ”  เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราต้องต่อสู้กับความเสื่อมถอยที่นำไปสู่โรคต่าง ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non- communicable diseases; NCDs)

ล่าสุด บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านสถาบันการฝากเก็บ คัดแยก เพาะเลี้ยง และวิจัยสเต็มเซลล์แบบครบวงจร ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ “บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล  จำกัด (มหาชน)” หรือ BCH ประกาศเปิดตัว ศูนย์การเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน (Cell Harvesting Center) ที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และครบวงจร

นี่เป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับการดูสุขภาพของมนุษย์ ภายใต้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำไปอีกขั้น

ทำความเข้าใจเรื่องสเต็มเซลล์กันก่อน

ร่างกายของคนเรา ประกอบด้วยสเต็มเซลล์กว่า 100 ล้านล้านเซลล์ เซลล์เล็ก ๆ เหล่านี้สามารถประกอบเป็นระบบของอวัยวะต่าง ๆ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์กระดูก หรือเซลล์ประสาท ฯลฯ

ในแต่ละวันร่างกายของเรามีสเต็มเซลล์เกิดใหม่กว่า 1 ล้านเซลล์ แต่ก็มีอยู่ประมาณ 5,000 เซลล์ที่บกพร่อง ผิดเพี้ยน ในร่างกายเราเองจึงก็มี NK Cell (Natural Killer Cell) ที่คอยกำจัดเซลล์ร้าย ๆ เช่นเซลล์มะเร็งออกไป

แต่อย่างที่ทราบว่า ร่างกายของมนุษย์มีความเสื่อมถอย เช่นเดียวกับสเต็มเซลล์ เป็นเหตุผลที่ร่างกายของคนอายุน้อยจึงมีภูมิคุ้มกันหรือการฟื้นตัวที่ดีกว่าคนที่มีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากอายุ 60 ปีเป็นต้นไป ภูมิต้านทานของคนเราจะตกลงเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด เป็นที่มาว่าคนสูงวัยจึงพบเจอกับโรคร้ายและโรคกวนใจนานาประการ

สเต็มเซลล์มีลักษณะเฉพาะบุคคล อัตราการเข้ากันกับคนอื่นมีอยู่น้อยมาก การเก็บสเต็มเซลล์ของตัวเองไว้จึงเป็นการวางแผนในระยะยาว สำหรับการดูแลสุขภาพยามเสื่อมถอย

ข้อมูลจาก “เมดีซ กรุ๊ป” ระบุว่า เทคโนโลยีการเก็บสเต็มเซลล์ในปัจจุบัน จะจัดเก็บจาก 3 แหล่งหลัก ๆ คือ การตั้งต้นเก็บเซลล์จากเลือดสายสะดือ/เนื้อเยื่อสายสะดือ/เนื้อเยื่อไขมันที่มีคุณภาพดี

การเก็บเซลล์ตั้งแต่แรกเกิดถือเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่ดีที่สุด แต่เมื่อย้อนกลับไปไม่ทันแล้ว เราทุกคนยังสามารถเริ่มต้นเก็บเซลล์ได้ตั้งแต่วันนี้ โดยการเก็บสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื้อไขมัน เพื่อรองรับอนาคตทางสุขภาพ เมื่อเกิดภาวะเสื่อมถอยของร่างกาย ทางการแพทย์สามารถนำเซลล์ของเราที่เก็บไว้ มาใช้เพื่อการฟื้นฟูและรักษาโรคร้าย

Cell Harvesting Center คืออะไร

ศูนย์การเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน (Cell Harvesting Center) เป็นนวัตกรรมในระดับเทรนด์เทคโนโนโลยีระดับโลก เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงทุกช่วงวัย ปัจจุบันประเทศที่มีความก้าวหน้าและเป็นผู้นำในการเก็บสเต็มเซลล์ คือ สหรัฐอเมริกา และจีน สำหรับประเทศไทย และ CLMV “เมดีซ กรุ๊ป” ถือเป็นผู้นำรายใหญ่ในภูมิภาค  โดยมีประเทศไทยเป็นแล็บมาตรฐานสูงในการจัดเก็บสเต็มเซลล์ ผ่านนวัตกรรม BIOlongevity ที่ครบวงจรที่สุด

นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า สเต็มเซลล์ชนิดเนื้อเยื่อมีเซนไคม์ (Mesenchymal Stem Cell: MSCs) ในอดีตเรามีความเข้าใจกันว่าควรจัดเก็บจากเนื้อเยื่อสายสะดือของทารกแรกเกิดเท่านั้น มีเพียง “เมดีซ กรุ๊ป” ที่พยายามพัฒนานวัตกรรมการคัดแยกและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์นี้จากเนื้อเยื่อไขมัน

“ความมุ่งมั่นนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับทุกคนซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วยที่พลาดโอกาสการฝากเก็บสเต็มเซลล์ในวันแรกเกิด ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของการฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่ดีที่สุดของตัวเองอีกครั้ง”

สเต็มเซลล์ จัดเก็บอย่างไร

“เมดีซ กรุ๊ป” ควบคุมมาตรฐานในการจัดเก็บแช่แข็งเซลล์ที่อุณหภูมิ – 196 องศาเซลเซียส ในไอระเหยของไนโตรเจนเหลว เพื่อคงประสิทธิภาพได้ยาวนาน ภายใต้มาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ปัจจุบัน การฝากเก็บ MSCs  ของตัวเอง ไว้เพื่อตัวเองในอนาคต นับเป็นหนทางที่ปลอดภัยและไม่ขัดต่อจริยธรรมใดในการดูแลสุขภาพของมนุษย์ที่จะพึงมีได้

ผู้ที่เลือกใช้บริการจัดเก็บเซลล์กับ “เมดีซ กรุ๊ป” จะมีอายุการจัดเก็บ 60 ปี ถือเป็นการดูแลที่ยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมธุรกิจธนาคารรับฝากเก็บสเต็มเซลล์ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการกับ “เมดีซ กรุ๊ป” แล้วประมาณ 38,000 ราย มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน เป็นคนไทย 80-85% และส่วนใหญ่เป็นการเก็บเซลล์ของเด็กแรกเกิด เนื่องจากพ่อแม่ในปัจจุบันเริ่มมีความเข้าใจในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเพื่ออนาคตของลูก ขณะที่ปู่ย่าตายายก็เลือกมอบของขวัญให้กับหลานที่เกิดใหม่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในรูปดังกล่าวนี้

สำหรับค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อเคส เป็นการเหมาจ่ายแบบครั้งเดียว ดูแลการจัดเก็บเซลล์ 60 ปี เมื่อมีความต้องการใช้ ทาง “เมดีซ กรุ๊ป” จะการจัดส่งเซลล์ไปถึงมือคุณหมอ แน่นอนว่าผู้ที่ใช้บริการจัดเก็บเซลล์จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบถึงประเด็นนี้

การแข่งขันในระดับโลก

นายแพทย์วีรพล ให้ความเห็นว่า การพัฒนาความก้าวหน้าของการนำสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกันไปใช้เพื่อให้มนุษย์มีสุขภาพและคุณภาพการใช้ชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีความสุข นับเป็นการแข่งขันที่สร้างนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด

ทุกคนควรฝากเก็บสเต็มเซลล์ของตัวเองไว้ก่อน เพื่อหยุดอายุเซลล์ของตัวเองไว้ในวันนี้ เพราะสิ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกคนในการที่จะต่อยอดใช้ประโยชน์ในอนาคต

ความร่วมมือระหว่าง “เมดีซ กรุ๊ป” และ BCH

ปัจจุบัน กลุ่ม BSH ประกอบด้วย  กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์  กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่มโรงพยาบาลการุญเวช และกลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ซึ่งเป็นกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศไทย มีทั้งหมด 14 สาขาในประเทศไทย และ 1 สาขาในต่างประเทศ

ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล  จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  กลุ่ม BCH มีวิสัยทัศน์ เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจการบริการด้านสุขภาพทั้งในประเทศ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  บริษัทมุ่งมั่นที่จะให้บริการทางการแพทย์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ทันสมัยและครบวงจรเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้มาใช้บริการ

โดยพันธกิจหนึ่งของบริษัทฯ  คือ ความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ ในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์ความสำเร็จร่วมกัน

สำหรับความร่วมมือกับ “เมดีซ กรุ๊ป” ในการจัดตั้งศูนย์การเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน (Cell Harvesting Center) ยิ่งเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของ BCH ในการดูแลคนไข้ได้อย่างรอบด้าน  รองรับการให้บริการสำหรับผู้รับบริการทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงผู้รักสุขภาพจากนานาชาติ

การพัฒนาด้านสเต็มเซลล์ในอนาคต

นายแพทย์วีรพล  กล่าวเสริมว่า เทคโนโลยีทางการแพทย์ยังคงมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเทคโนโลยีการจัดเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน ยังสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่การนำเซลล์เพื่อการสร้างอวัยวะใหม่ที่ทดแทนอวัยวะภายในร่างกายที่เสื่อมถอย

ปัจจุบัน MEDEZE GROUP PTE. LTD. (สาขาสิงคโปร์) ยังพัฒนานวัตกรรมการสร้างอวัยวะเทียมจากสเต็มเซลล์ โดยอวัยวะที่ประสบความสำเร็จแล้วคือ “กระจกตา”

ไม่เพียงแค่ “สังคมสูงวัย” ที่ท้าทายความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ แต่ทุกวันนี้ ผู้คนในโลกกำลังต่อสู้กับปัญหาอีกนานับประการ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม  ปัญมลพิษ เช่น PM 2.5  สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื้อโรคกลายพันธุ์ชนิดใหม่