3 วัน 2 คืน เอาใจสายชิล สายมู สายเขียว เมืองรอง ต้อง “ออก” เที่ยวนครนายก-ปราจีนบุรี

57

สายฝนที่พร่างพรม กับสายลมที่โชยมา บอกให้เรารู้ว่า นี่คือช่วงเวลาแห่งความชุ่มชื่นเย็นใจ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหน ก็จะพบกับต้นไม้ใบหญ้าเปล่งความเขียวขจี มองแล้วสบายตา สบายใจ ช่วยเยียวยาความอ่อนล้าได้เป็นอย่างดี

และเมื่อสายฝนโปรยมาก็ถึงเวลาออกเที่ยว ดินแดนของความเขียวใกล้กรุงเทพฯที่อยากจะแนะนำในวันนี้ก็คือ “นครนายก” และ “ปราจีนบุรี”​จังหวัดที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มทางธรรมชาติ พร้อมแหล่งกินแหล่งเที่ยวหลากหลาย ว่างเพียงวันสองวันก็บึ่งมานอนชิลเก็บฟีลสายฝนกันได้เลย

รอบนี้ เราเดินทางมากับทริป เมืองรอง ต้อง “ออก”  เที่ยว เส้นทางกทม. – นครนายก-ปราจีนบุรี ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน

นายมรกต สุดดี ผอ.กองตลาดภาคตะวันออก ททท. นำคณะทำกิจกรรม CSR มอบอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ พร้อมล้างกรงสัตว์ โดยมีนายทวีป ล้อมวงษ์ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 (นครนายก) ให้การต้อนรับ

Day 1 นครนายก

ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 จ.นครนายก

ไปล้างกรงเสือกันไหม หรือจะล้างกรงหมี ประสบการณ์ดี ๆ ที่หาได้ยาก ณ ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 จ.นครนายก  ซึ่งเป็นศูนย์ดูแลสัตว์ป่าทั้งที่ป่วย บาดเจ็บ พลัดหลงจากการหนีไฟป่า รวมทั้งสัตว์ป่าคุ้มครองซึ่งเป็นของกลางจากการลักลอบซื้อขาย  ล่าสุดกับบรรดาฝูงลิงกว่าพันตัวที่ย้ายมาจากจังหวัดลพบุรี

โตโน่ หมียักษ์อารมณ์ (ค่อนข้าง) ดี

ด้วยจำนวนสัตว์กว่า 2,000 ชีวิตกับเจ้าหน้าที่เพียง 18 คน พร้อมค่าใช้จ่ายที่ยังไม่เพียงพอ จึงเปิดโอกาสให้คนใจดีเข้ามาเที่ยวชม หรือจะบริจาคช่วยเหลือ ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาเลี้ยงอาหารสัตว์ หรือช่วยงานเจ้าหน้าที่อย่างการล้างกรงเสือ และกรงหมี ซึ่งไม่ต้องตกใจไป เพราะภายในแต่ละกรงแบ่งเป็น 2 ชั้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะอยู่ด้านในหรือนอกกรง ก็ต้องอยู่ห่างจากซี่ลูกกรงตลอดเวลา

ล้างกรงหมี

นายทวีป ล้อมวงษ์ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 (นครนายก)  เล่าว่า ในช่วงนี้มีสัตว์เข้ามาเยอะ โดยเฉพาะเจ้าลิงฝูงใหญ่ ทำให้เกิดการปะทะกันบ้างตามประสา ยาและเวชภัณฑ์จึงเป็นสิ่งที่มีความต้องการมาก หากอยากจะแบ่งปันน้ำใจก็ติดต่อไปทางศูนย์ฯได้

ภายในศูนย์ฯมีความร่มรื่นมาก เนื่องจากเป็นป่ารอยต่อจากผืนป่าอุทยาน มาแล้วยังได้เจอสัตว์อีกมากมาย ทั้งหมี เสือ นก นาค กวาง ลิง ฯลฯ ส่วนใหญ่ไม่มีทักษะการใช้ชีวิตในป่า แม้จะแข็งแรงก็ไม่สามารถกลับคืนสู่ป่าได้แล้ว จึงต้องช่วยกันดูแลพวกเขาไปอีกยาว ๆ

ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 จ.นครนายก

อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ ต.เขาพระ จ.นครนายก

081 996 2925

ครัวสาริกา

โบกมือลาเพื่อน ๆ สัตว์ป่ามาเติมพลังกันก่อนจะไปเที่ยวต่อ  นครนายกมีร้านอาหารอร่อย ๆ อยู่หลายแห่ง มื้อเที่ยงวันนี้เราแวะไปที่ครัวสาริกา ร้านที่รองรับได้ทั้งแบบกลุ่มเล็ก ๆ หรือกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ ๆ

วันนี้ลิ้มลองหลายเมนู แต่ที่ว่าเด็ดและน่าจะถูกปากใครหลายคน คือ “ซี่โครงหมูอ่อนสับผัดใบยี่หร่า” เป็นเมนูที่มีรสชาติจัดจ้าน หอมยั่ว ๆ  หากไม่กินเผ็ดหรือไม่ชอบเคี้ยวก็อาจจะต้องข้ามไป

เมนูแกล้มเผ็ดได้ดีคือ “ไข่ตุ๋นทะเลหม้อไฟ”  สัมผัสเนียน ละมุน รสชาติกลมกล่อม กินได้ทั้งครอบครัว อีกเมนูที่ชอบคือ “แกงป่าลูกชิ้นปลากราย” แม้จะเป็นแกงป่าที่ไม่จัดมาก แต่ด้วยความเด้งของลูกชิ้นปลากรายแท้ ก็ต้องยอมใจกับวัตถุดิบที่ดีงามเช่นนี้

ภายในร้านยังมีส่วนของคาเฟ่ จำหน่ายเครื่องดื่มและของสะสมน่ารัก ๆ รวมทั้งมีบรรดา Art Toy วางโชว์และขายในร้านอีกด้วย

ครัวสาริกา

ต.สาริกา อ.เมืองนครนายก

062 501 2606

ขับ ATV ชมวิถีธรรมชาติ 

ไปลุยป่า ลุยน้ำ ลุยโคลนให้สนุกสนาน กับกิจกรรมขับรถ ATV เที่ยวชมความงามของธรรมชาติ ซึ่งในย่าน ต.สาริกา มีผู้ให้บริการอยู่หลายเจ้า

เส้นทางขับรถ ATV ที่นครนายก มีทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว สำหรับใครที่มีเวลาไม่เยอะ แนะนำเส้นทางระยะสั้นซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที

จากจุดเริ่มต้นเจ้าหน้าที่จะแนะนำการใช้รถ ซึ่งทุกคนสามารถขับเองได้สบาย ๆ เพราะไม่มีกลไกที่ซับซ้อนอะไร แถมยังเป็นรถเครื่องมอเตอร์ไซด์ที่มี 4 ล้อใหญ่ ๆ คอยประคองเราไปทุกที่ แต่ทั้งนี้ก็ควรเชื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอยู่ตลอดเส้นทาง

เมื่อขับเข้าไปในป่า จะผ่านตัวหมู่บ้าน จากถนนคอนกรีตสู่ทางดิน ขึ้นลงเนินเล็กน้อย ลุยน้ำลุยโคลนพอกระเด็นเบา ๆ เป็นช่วงเวลาที่หลายคนบอกว่า ผ่านไปไวเหลือเกิน

ล่องเรือยางลำน้ำนครนายก

สนุกกันต่อกับกิจกรรมพายเรือยางล่องแก่งแม่น้ำนครนายก จากจุดเริ่มต้นบริเวณสะพานหลังเขื่อนขุนด่านปราการชล  รับเสื้อชูชีพและหมวก  ฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ แล้วเริ่มออกพายกันได้เลย

ในช่วงเดือนมิถุนายนปีนี้ เป็นต้นฝนที่ปริมาณน้ำยังไม่เยอะมากนัก บริเวณนี้จึงเหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะมาเล่นน้ำ หรือพักผ่อนกันตามที่พักริมแม่น้ำ

การพายเรือยางจะล่องไปตามกระแสน้ำที่ไหลเอื่อย จึงไม่ต้องใช้แรงมากนัก บางช่วงแทบไม่ต้องพายเลย นายท้ายประจำลำละ 1 คนจะคอยงัดพายเพื่อกำกับเส้นทาง  ที่พอให้เร้าใจแบบสายแอดเวนเจอร์บ้างก็คือช่วงของแก่งหินที่น้ำไหลเชี่ยว แต่ก็ยังอยู่แค่ระดับต้น ๆ  จะเพิ่มดีกรีผจญภัยไปจนถึงระดับ 3-4-5 ราวเดือนสิงหาคมและกันยายน

ตลอดระยะทาง 7 กิโลเมตร เต็มไปด้วยความร่มรื่น เขียวชอุ่ม มองไปทางไหนก็เพลินสายตา ขณะที่นักท่องเที่ยว ทั้งที่นั่งริมตลิ่ง หรืออยู่ในเรือลำอื่นต่างก็ส่งยิ้มทักทาย กวักน้ำหยอกล้อกันเหมือนเล่นสงกรานต์ รับรองว่าเรือไม่ล่มง่าย ๆ แต่จะเปียกแบบคาดเดาทิศทางไม่ได้แน่นอน

เมื่อเข้าฝั่ง  จะต้องนั่งรถกลับอีก 5 กิโลเมตร ถือเป็นเส้นทางลุยแบบเบาะ ๆ ไม่เมื่อยไม่เพลีย แถมยังฮีลใจได้ดีเหลือเกิน หากยังไม่เข้าที่พัก สามารถอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในสถานที่ที่ผู้ให้บริการจัดไว้ให้ได้เลย

สาริกา แอดเวนเจอร์ พอยท์

061 639 4929

ครัวลูกปลา

หลังจากแอดเวนเจอร์กันมาพอประมาณ ช่วงเย็นจึงกลับไปอาบน้ำ พักผ่อนกันเล็กน้อยที่รีสอร์ต  ซึ่งในละแวก ต.สาริกา มีให้เลือกเยอะมาก หรือจะพักในตัวเมืองก็ไม่ไกลมากนัก

มื้อค่ำ ฝากท้องที่ครัวลูกปลา อีกร้านที่ได้รับความนิยมมานาน 30 ปี ตั้งอยู่ในตัวเมืองนครนายก (ใกล้กับศาลากลางจังหวัด) เมนูอร่อยเรียงรายมาหลายอย่าง แต่ที่เป็นไฮไลต์ของทางร้านก็คือ “แกงชะพลูปูก้อน” รสชาติเบา ๆ ไม่ร้อนแรง ละมุน กินง่าย ตามมาด้วย “ปูหลน” รสชาติไทย ๆ ส่วน “ปลาช่อนผัดกะเพราชะอมหน่อไม้ดอง” อีกเมนูขายดี เนื่องจากมีความหอมจากกะเพราและชะอม ได้รสเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์จากหน่อไม้ดอง ที่ชื่นชอบกันมากอีกเมนูคือ “ขาหมูเยอรมัน” ที่ทอดออกมาได้แห้ง แต่ด้านในยังนุ่ม

อิ่มแล้วไปเดินเล่นกันที่ “Street Art NaKhon Nayok” จุดเช็คอินแห่งใหม่ในตัวเมืองนครนายก ณ บริเวณถนนเลียบแม่น้ำจังหวัดนครนายก โดยมีภาพวาดแนวสตรีทอาร์ตบนผนังกำแพงจากฝีมือศิลปินระดับประเทศยาวกว่า 100 เมตร  สะท้อนเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดนครนายก อาทิ ภาพวาดช้าง มะยงชิด อันเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด  เดินชมในยามค่ำคืนก็จะได้บรรยากาศที่แปลกตาไปอีกแบบ

 Day 2 ปราจีนบุรี

 ตลาดหนองชะอม

เมื่อออกจากนครนายก ผ่านตัวเมืองปราจีนบุรี  แวะ “ตลาดหนองชะอม” ตลาดสินค้าทางการเกษตรที่ชาวบ้านนำมาวางขายริมทาง ช่วงนี้มีทั้งหน่อไม้ กระท้อน มังคุด เงาะ และทุเรียนปราจีน ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยไม่แพ้ที่ไหน

ช่วงนี้น่าจะอยู่ในระยะปลาย ๆ ของฤดูกาล เลยมีเพียงร้านเดียวที่มีทุเรียนวางจำหน่าย แม้ว่าจะเจอแต่ผลเล็ก แต่เนื้อก็แน่นเต็มพู แกะออกมาท้าชิมกันอย่างสนุกสนาน นับเป็นการทักทายปราจีนบุรีได้อย่างออกรสออกชาติ

ล่องเรือแม่น้ำปราจีน 

ยามสายของวัน เราแวะเที่ยวชมและกราบพระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลที่ “วัดหลวงปรีชากูล” บริเวณริมแม่น้ำปราจีนบุรี ก่อนจะลงเรือไปชมความงดงามของแม่น้ำปราจีนบุรีอันกว้างใหญ่

ในเส้นทางที่เรือล่องไป ได้พบเห็นความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าเจ้านกที่ออกมาดักกินปลา และฝูงค้างคาวที่พากันห้อยหัวพักสายตาอยู่ตามต้นไม้ใหญ่

แม่น้ำสายนี้เป็นแหล่งอาหารของคนและสัตว์ จึงเห็นการทำกระชังปลาเป็นระยะ ได้ยินนายท้ายเรือเล่าว่า หากทำกระชังในแม่น้ำ ก็จะได้ปลาที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี วันนี้ยังเห็นชาวบ้านออกมาตกกุ้ง เป็นภาพชีวิตเรียบง่าย ดูแล้วสบายตา ชื่นใจว่าบ้านเรายังมีอู่ข้าวอู่น้ำที่ยังสมบูรณ์ดี

เมื่อเรือล่องไปถึง “วัดโบสถ์” เรานำดอกบัวที่ทางเรือเตรียมไว้ให้ออกมาตั้งจิตอธิษฐานขอพรจาก พระพุทธรูปปางลีลา-พระสิริมงคลนิมิต, พระพุทธรูปปางประทับนั่งห้อยพระบาท-พระสรรพสิทธินาวา และพระพุทธรูปปางประทับนอน-พระมหาชินไสยาสน์ ซึ่งมีความโดดเด่น งดงามอยู่ริมตลิ่ง ปัจจุบันได้รับการบูรณะจากสีทองเป็นสีขาวสว่างไสว เป็นอีกมุมที่สร้างความอิ่มเอมใจให้กับทุกคน

กินดีอยู่ดีวิถีบางพลวง

หลังจากล่องเรือมาอย่างเพลิดเพลินใจ ขึ้นฝั่งแล้วก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี วันนี้เรามีนัดกับชุมชนบ้านบางพลวง ในมุมสงบริมแม่น้ำ ถือเป็นภัตตาคารบ้านทุ่งเลยก็ว่าได้ เพราะบรรยากาศดี ร่มรื่น ชื่นใจ แถมยังมีเมนูมากมายจากฝีมือชาวบ้านที่มารวมตัวกัน

ที่นี่เป็นศูนย์กลางการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยจะรับผลผลิตต่าง ๆ จากชาวบ้านมาปรุงเป็นอาหารมื้ออร่อยแบบบ้าน ๆ ไฮไลต์ที่ทุกคนรอคอยคือ “ปลาเผา” และ “กุ้งเผา” ซึ่งเป็นกุ้งแม่น้ำที่ชาวบ้านหามานั่นเอง ได้กินกุ้งสด ๆ น้ำจิ้มแซ่บ ๆ ในมุมชิล ๆ แบบนี้ ก็คิดถึงเพื่อน คิดถึงคนที่บ้าน อยากให้ได้มาสัมผัสบรรยากาศดี ๆ นี้ด้วยกัน

อร่อยแบบไม่ยั้งกันไปแล้ว เดินไปชมไปช้อปของดีวิถีชุมบางพลวง โดย “วิสาหกิจชุมชนแปรรูปเสื่อกกบ้านบางพลวง” ซึ่งมีการพัฒนาสินค้าได้น่าซื้อหา ในราคาที่จับต้องได้ ใครที่อยากมาเรียนรู้ ลงมือทำ ก็ติดต่อเข้ามาได้เลย

วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม บ้านบางพลวง

(ล่องเรือ+อาหาร 1 มื้อ ราคา 800 บาทต่อท่าน)

โทร.081 434 8203

นั่งรถราง ชมเมืองโบราณศรีมโหสถ

ปราจีนบุรี เป็นอีกดินแดนประวัติศาสตร์ที่ยังคงปรากฏหลักฐานให้เห็นอยู่หลายจุด “เมืองศรีมโหสถ” เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ ผังเมืองรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน มีคูเมืองเชื่อมต่อกัน นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถรางพาไปเที่ยวชมได้

จุดสำคัญในการแวะชม อาทิ สระน้ำโบราณ ทั้งสระแก้ว และสระขวัญ

“สระแก้ว”  เป็นสระน้ำโบราณที่ขุดลงไปในชั้นศิลาแลงธรรมชาติ ผนังของสระมีภาพแกะสลักนูนต่ำเป็นลวดลายต่าง ๆ เช่น ช้าง สิงห์ มกร หมูป่า กินรี งู เป็นต้น ปัจจุบันยังสามารถมองเห็นเป็นภาพได้บางจุด เต็มไปด้วยมนต์ขลังอันงดงาม

ในน้ำสระแห่งนี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ใช้ในประกอบพิธีทางศาสนา หรือพิธีกรรมเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ในการทำเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนแถบนี้มาตั้งแต่ครั้งโบราณ

“ต้นศรีมหาโพธิ์” เชื่อกันว่าเป็นต้นโพธิ์ตรัสรู้ซึ่งอัญเชิญมาจากลังกาทวีปสมัยทวารวดีเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว ปัจจุบันมีความสวยงามอลังการ และกลายเป็นตราประจำจังหวัดปราจีนบุรี และที่มาของชื่ออำเภอศรีมหาโพธิ์

“กลุ่มโบราณสถานและสระมรกตและรอยพระบาทคู่” เป็นกลุ่มโบราณสถานที่มีอายุยาวนานราวพุทธศตวรรษที่ 14-18 ประกอบด้วยกลุ่มอาคารสมัยทวารวดี ยังคงปรากฏฐานของอาคาร โดดเด่นอยู่กลางร่มไม้ครึ้ม มีความเข้มขรึมน่าเกรงขาม ภายในยังมีวิหารรอยพระพุทธบาทคู่ รวมทั้งบ่อน้ำ ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์จนน่าทึ่ง

Day 3 ปราจีนบุรี

วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิมอี่ทงเทียนไท้ 

หลังจากพักค้างคืนในตัวเมืองปราจีนบุรี เช้าวันใหม่ เราเดินทางไปที่ “วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิมอี่ทงเทียนไท้” อ.กบินทร์บุรี เป็นทั้งที่เที่ยวและที่ทำบุญ รวมทั้งการขอเพื่อความเป็นสิริมงคลพร ภายในประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่แกะสลักจากหยกขาวชิ้นใหญ่

มองจากภายนอกและภายในจะเห็นตัวอาคารมีความงดงาม โดดเด่นเป็นสง่า มีสถาปัตยกรรมและภาพเขียนศิลปะแบบจีนสวยงามมาก

วิหารอี่ทงเทียนไท้  ตั้งอยู่หน้าทางเข้าสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี  ก่อสร้างตั้งแต่ปี 2558 จากความศรัทธาในองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ของคุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากหอบูชาฟ้าเทียนถาน ปักกิ่ง

วัดบ้านด่านศรัทธาอุดม

“วัดบ้านด่าน” อ.ประจันตคาม ปราจีนบุรี เป็นที่รู้จักกันดีของสายธรรม เนื่องจากความเคารพศรัทธาต่อ “หลวงพ่อเอีย” โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบวัตถุมงคล ซึ่งในอดีตหลวงพ่อเอียเคยได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากพระธุดงค์องค์หนึ่ง

หลวงพ่อเอียเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านด่านมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 ซึ่งสมัยนั้นบ้านเมืองอยู่ในยุคสงคราม นอกจากมาขอเครื่องรางของขลังแล้ว ผู้คนยังมาอาศัยพักรักษาตัวจากอาการป่วยไข้ต่าง ๆ จนกลายเป็นโรงพยาบาลย่อม ๆ ที่ให้การรักษาฟรี พร้อมได้รับการถ่ายทอดศีลธรรมจากหลวงพ่อ ซึ่งท่านมีเมตตาจิตที่สูงส่ง ทำให้เป็นที่เคารพมาอย่างยาวนาน แม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว ก็ยังมีอนุสรณ์รำลึกถึงพระคุณของท่านอยู่ภายในวัดแห่งนี้

“ชมชล” ชวนอร่อย

ร้านอาหาร “ชมชล” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ในตัวเมืองปราจีนบุรี ร้านนี้มีดีที่ความเก๋าของแม่ครัว ปรุงออกมาแบบอร่อยแทบทุกจาน ที่ชื่นชอบกันมากคือ “ฉู่ฉี่กุ้ง” รสกลมกล่อม หอมลงตัว “ยำถั่วพู” รสชาติเหมือนจะกลาง ๆ แต่ครบเครื่อง ไม่เลี่ยน ไม่หวานจนเกินไป ลวกถั่วพูและกุ้งได้กรอบมาก ขณะที่ปลาทอดก็แห้งดี ไม่อมน้ำมัน ส่วน “ห่อหมกทะเลในลูกมะพร้าว” ปกติจะเลี่ยน ๆ แต่แม่ ๆ ในครัวทำออกมาได้ลงตัว เข้มข้น แต่ก็ไม่จัดจ้านเกินไป จึงขอแนะนำด้วยประการฉะนี้

มุมเก๋ ๆ คาเฟ่ปราจีนบุรี

หากจะมองหาคาเฟ่เก๋ ๆ เติมความสดใสให้กับวันพักผ่อน ในทริปนี้มีคาเฟ่ 2 สไตล์มาแนะนำ เริ่มจาก “Brizo cafe & booze” มีทั้งส่วนคาเฟ่และร้านอาหาร โดดเด่นด้วยเมนูเครื่องดื่มและขนมอร่อย ๆ เป็นมุมเงียบ ๆ ที่คาดว่าจะถูกใจใครหลายคน

ที่ลึกลับเป็น Hidden Café แม้จะอยู่ในตัวเมืองแต่ต้องเลี้ยวเข้าสวนเข้าป่าไปพอสมควร ดั้นด้นกันสักนิด แต่ยืนยันว่าคุ้มค่า เพราะบรรยากาศของ Homurumu  เหมือนอยู่ในสวนน้อย ๆ ที่มีความตะมุตะมิแบบญี่ปุ่น ช่วงนี้ฝนพรำลงมา  ช่วยเพิ่มบรรยากาศเขียวขจี เป็นอีกมุมที่น่านั่งสุด ๆ

เมนูสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งเครื่องดื่มและขนมแบบโฮมเมด สะท้อนตัวตนที่เอาใจใส่และเป็นกันเองของ Homurumu ใครได้มาก็ต้องหลงรัก จนอยากจะพักตรงนี้นาน ๆ

มาเยือนทีไร ก็ได้อัพเดทกันว่า นครนายก-ปราจีนบุรี มีดีน่าเที่ยว เต็มไปด้วยมุมมองธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตอันงดงาม รวมทั้งความร่วมสมัย สร้างโมเมนต์ดี ๆ แบบที่ไม่อยากให้มองข้ามไป มาชม มาฟินกันได้ ทั้งสายชิล สายมู สายเขียว ก็มาเที่ยวกันได้

#เมืองรองต้องออกเที่ยว

#สุขทันทีที่เที่ยวนครนายก

#สุขทันทีที่เที่ยวปราจีนบุรี

#เมืองน่าเที่ยว