เปิดแล้ว! พิพิธภัณฑ์พระเครื่อง ย่านบางพลัด เข้าชมฟรีด้วยนะ

785

เป็นข่าวดีของผู้ที่ชื่นชอบและศรัทธาต่อพระเครื่อง หลายท่านก็เป็นผู้สะสมพระเครื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเทคนิคและความเข้าใจอย่างละเอียด ทั้งด้านประวัติศาสตร์และศิลปะ เพราะพระเครื่อง หรือพระในลักษณะต่างๆ มีทั้งของแท้และลอกเลียนแบบ จึงต้องมีคำว่า “เซียนพระ” เกิดขึ้น เพราะการจะจดจำตำหนิต่างๆ และแยกแยะความเป็นเอกลักษณ์ของพระเครื่องแต่ละรุ่นเป็นเรื่องที่ต้องใช้คำว่า “เซียน” หรือผู้เชี่ยวชาญจริงๆ

และวันนี้ใครที่สนใจเรื่องของพระเครื่อง ก็สามารถไปชมไปศึกษากันได้แล้วที่ “พิพิธภัณฑ์พระเครื่อง พระกรุ”  แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์พระเครื่องไทย รวบรวมสุดยอดพระเบญจภาคี พระเครื่อง พระเกจิชื่อดังอายุหลักร้อยปีถึงพันปี มาจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์จำนวนมาก พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ ถนนสิรินธร เขตบางพลัด กรุงเทพฯ  ซึ่งเปิดตัวขึ้นไม่นานมานี้ โดยมี นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ เป็นประธานในพิธีเปิด

นายภูมิฐิติพัฒน์ อินทปัตย์ เทพหัสดิน ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พระเครื่อง พระกรุ กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์พระเครื่อง พระกรุ จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ผู้ที่มีใจรักและชื่นชอบในการสะสมพระเครื่อง ได้มาศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของพระเครื่อง พระกรุ แต่ละยุคสมัย ซึ่งนับวันจะทรงคุณค่าทวีคูณ ทั้งทางด้านมูลค่า ความศรัทธา และความล้ำค่าในเชิงศิลปวัฒนธรรม  โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านพระเครื่อง พระกรุ มายาวนานกว่า 50 ปี เป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้เข้าชม โดยพระเครื่องบางส่วนได้ผ่านการตรวจทางวิทยาศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) แล้วว่ามีอายุเก่าแก่หลักร้อยปีถึงพันปี และบางส่วนกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจ ซึ่งในอนาคตพระทุกองค์ภายในพิพิธภัณฑ์จะได้รับการตรวจทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด

ภายในพิพิธภัณฑ์พระเครื่อง พระกรุ แบ่งออกเป็น 3 ชั้น โดยในชั้นที่ 2 มีการจัดแสดงนิทรรศการข้อมูลประวัติศาสตร์ของพระเครื่องแต่ละยุคสมัย พร้อมจัดแสดงพระเครื่องพระกรุยอดนิยมที่มาจากทุกส่วนของไทย  อาทิ พระสมเด็จวัดระฆัง จังหวัดกรุงเทพฯ  พระกำแพงซุ้มกอ จังหวัดกำแพงเพชร พระรอด จังหวัดลำพูน พระร่วงรางปืน จังหวัดสุโขทัย พระปิดตา พระเกจิ หลวงปู่ทวด หลวงปู่ศุข หลวงปู่บุญ ฯลฯ ส่วนชั้นที่ 3 มีการจัดแสดงพระเบญจภาคีที่ถือว่าเป็นสุดยอดพระเครื่องที่หายากและมีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งพระเบญจภาคีที่นำมาจัดแสดงนั้น นับเป็นชุดที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย โดยมีอายุหลักร้อยปีถึงพันปี ซึ่งชั้นที่ 3 นี้จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมี หินหยกคู่ขนาดใหญ่แกะสลักลวดลายมังกร ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณี สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) แล้วว่าเป็นหินหยกที่มีอายุนับล้านปี ที่นำมาจัดแสดงให้ชมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

ล่าสุดทาง “พิพิธภัณฑ์พระเครื่อง พระกรุ” ได้ร่วมกับศูนย์ผู้นำธุรกิจเพื่อสังคม คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดตั้ง “สถาบันวิชาการพระเครื่องพระกรุแห่งประเทศไทย” เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เกี่ยวกับพระเครื่องโดยเน้นหลักทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับวงการพระเครื่องไทยอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์พระเครื่องพระกรุ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-068-3089 หรือ www.thaiamuletsmuseum.com