อากาศที่เย็นสบายทั้งปี ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสงบ เป็นเสน่ห์ของหมู่บ้านในหุบเขาแห่งนี้
ไม่นานมานี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกาญจนบุรี ชวนไปพบความรู้สึกดี ๆ กับทริปเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชุมชน สดชื่นกับธรรมชาติ เติมพลัง สร้างความสุข สนุกสนาน เป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ หมู่บ้านอีต่อง ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ
เป็นทริปที่หลายคนใจจดใจจ่อ เพราะรู้ดีว่ามีเป้าหมายฟิน ๆ รออยู่ข้างหน้า หลังจากออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่กาญจนบุรี เราแวะเช็คอินกันที่ “เมืองมัลลิกา ร.ศ.124” อ.ไทรโยค แชะ ชิล กันพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะเดินทางต่อสู่ อ.ทองผาภูมิ
ก่อนจะไต่เขาเข้าสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ แวะเติมพลังกันที่ “ร้านเพาะรัก@บ้านไร่อาจารย์หนวด”เป็นร้านอาหารใน อ.ทองผาภูมิ ที่โดดเด่นทั้งรสชาติและบรรยากาศริมลำธาร นอกจากจะเติมพลังคนแล้ว ใครที่จะขับรถขึ้นไปที่บ้านอีต่อง ควรเติมพลังของยานพาหนะไปให้พร้อมด้วยนะ
จากทองผาภูมิขึ้นสู่หมู่บ้านอีต่อง ซึ่งอยู่ในเขตชายแดนไทย-เมียนมาร์ มีระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาราวชั่วโมงครึ่ง เพราะเป็นเส้นทางคดเคี้ยว มีคนนับไว้ให้แล้วว่า 399 โค้ง ถนนค่อนข้างดี แต่มีบางช่วงที่ขรุขระบ้าง และมีการซ่อมทางเป็นระยะ
น้ำตกจ๊อกกระดิ่นหน้าฝน
ก่อนจะเข้าสู่หมู่บ้านอีต่อง เราแวะเข้าไปที่ “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น” น้ำตกแสนสวยที่มีสีเขียวมรกต เพราะอยู่แนวหินผาที่มีแร่ทังสเตน แต่หน้าฝนที่โปรยปรายตลอดเวลาแบบนี้ มวลน้ำปริมาณมากไหลผ่านซอกหินและตกลงมาอย่างกระแทกกระทั้น ทำให้อ่างบริเวณน้ำตกมีเพียงความฟูฟ่อง ละอองกระจายไปทั่ว เป็นการเที่ยวน้ำตกที่ชื่นฉ่ำสุด ๆ แต่ก็ถือว่าได้เจอมุมมองใหม่ อีกทั้งเป็นน้ำตกที่เข้ามาเที่ยวได้ง่าย เดินเข้ามาเพียง 300 เมตรก็ถึงแล้ว
ย้อนรอยเหมืองปิล็อก
มาถึงตัวหมู่บ้านอีต่อง ใจฟูใจฟ่องแบบออกนอกหน้า เพราะสายหมอกที่ปกคลุมหมู่บ้านเอาไว้ ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องดั้นด้นปีนเขา เราก็ได้คลอเคล้าสายหมอกกันทั้งวัน
วันนี้มัคคุเทศก์น้อยรอต้อนรับ และพาเราไปพบกับอดีตของหมู่บ้านอีต่อง นั่นคือ “เหมืองปิล็อก” ที่เคยรุ่งเรืองในปี 2483 ก่อนจะซบเซาไป ทิ้งไว้เพียงภาพแห่งความทรงจำ ทั้งบ้านพักของนายช่าง ซากยานพาหนะ เครื่องจักร และเครื่องมือต่าง ๆ เดินชมท่ามกลางสายหมอก และสายฝนพรำ ถือว่าฟินมาก
ธารน้ำใสไหลเย็นเห็นคาร์ฟ
เดินเลาะเข้าไปอีกหน่อย เราจะพบกับภาพของทางเดินเลาะริมธาร ในวันที่สายหมอกหยอกเย้าไปทั่ว สถานที่แห่งนี้เหมือนกับภาพฝัน บึงน้ำเล็ก ๆ ธารใส ๆ ไหลจากน้ำตกปิล็อก ปลาคาร์ฟว่ายวน เป็นสวนหย่อมเล็ก ๆ ในป่าใหญ่ที่ชื่นใจสุด ๆ ปักหลักอยู่นานจนฝนเริ่มเทหนักขึ้น ขณะที่หมอกยังปกคลุมอยู่อย่างนั้น
หมอกเบิกบานที่หมู่บ้านอีต่อง
ด้วยความเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา ทำให้หน้าฝนนี้สายหมอกปกคลุมไปทั่วหมู่บ้านแทบจะตลอดทั้งวัน ส่วนสายฝนนั้นก็พรำ ๆ แบบไม่ยอมหลับใหล วันนี้เราเข้าพักที่ “Villa Pilok” เป็นบูทิคโฮมสเตย์ อยู่ต้น ๆ ซอยในโซนตลาด ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน จึงใกล้กับร้านรวงต่าง ๆ
ความน่ารักของที่พักแห่งนี้คือส่วนของดาดฟ้า แม้จะไม่สูงมาก แต่สามารถมองเห็นความเป็นไปในตัวตลาดได้อย่างเต็มตา และมันดีมากที่ช่วงนี้น้องหมอกเธอครอบครองอาณาจักรเอาไว้ ภาพของหมู่บ้านในมุมสูงจึงดีต่อใจสุด ๆ ยืนชมได้ไม่นาน ฝนก็เทลงมาอีกแล้ว…
ตกค่ำที่บ้านอีต่อง ต้องออกไปเดินเล่นในตัวตลาด มองหาของอร่อย ๆ หรือของฝาก แต่วันนี้ฝนตก ๆ หยุด ๆ จึงต้องหมกตัวอยู่ในร้านอาหารกันยาว จากที่คิดว่าจะออกไปชมแสงไฟบริเวณบึงน้ำหน้าหมู่บ้านเหมือนที่เคยทำ ทั้งฝน ทั้งหมอก ก็บอกเราว่า อยู่นิ่ง ๆ บ้างก็ได้
ยามเช้าเราเดินทางไปที่ “เนินเสาธง” เขตชายแดนไทย-เมียนมาร์ บรรยากาศยังคงปกคลุมด้วยหมอกหนา เป็นช่วงเวลาที่ฉ่ำชื่นใจสุด ๆ เลย