ความเงียบสงบผลักดันให้เรามุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งกาลเวลาเดินช้า บางคนเรียกที่นี่ว่าเป็นผืนดินที่ถูกลืม บางคนว่าเป็นอัญมณีที่ยังไม่ได้ขัดมัน บริเวณที่แม่น้ำกับทะเลมาบรรจบกัน ผู้คนที่นั่นใช้ชีวิตไปตามจังหวะของสายน้ำและความเงียบงันของท้องฟ้าได้อย่างกลมกลืน
ชายหาดบางปะกง บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง อาจจะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม และไม่เป็นที่รู้จักมากนัก บางปะกงถือเป็นชายหาดที่เรียบง่าย เต็มไปด้วยโคลนและทราย แต่ช่วงเช้ายามแสงมาหรือยามเย็นยามแสงลา ผืนน้ำก็จะสงบงามราวกระจก ท่ามกลางสีสันสะดุดตาของป่าชายเลนที่โอบล้อมชายฝั่ง
แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีนักท่องเที่ยวนอนอาบแดด ไม่มีร่มทอดเงายาวไปทั่วเหมือนชายหาดอื่น ๆ มีเพียงชาวประมงที่กำลังออกหาปลา พวกเขาออกไปเพื่อตอกย้ำว่าน้ำคือชีวิตของเขา
ต้นไม้ที่บิดเบี้ยวในป่าชายเลน รากของมันเหมือนนิ้วที่ยื่นลงไปในดินอ่อนๆ นกบินอยู่เหนือหัว เสียงร้องของมันคมชัดในความเงียบ โลกที่นี่เงียบก็จริง แต่ไม่ไร้เสียง มันมีชีวิตในแบบที่เมืองไม่มี และเป็นแบบที่หลายแห่งลืมเลือนไป
“บางปะกง น้ำคงขึ้น ๆ ลง ๆ” ท่อนฮุกของบทเพลง “รักจางที่บางปะกง” ที่ทำให้คนทั่วประเทศรู้จักอำเภอแห่งนี้ แม้จะไม่เคยมาเยือนเลยสักครั้งก็ตาม ซึ่งความหมายของ “บางปะกง” มาจากภาษาท้องถิ่น “บาง” หมายถึงอำเภอที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ และ “ปะกง” เชื่อว่ามาจากคำโบราณในภาษาเขมรหรือมอญ ซึ่งหมายถึงต้นไม้หรือพืชชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปตามริมฝั่งแม่น้ำ แม่น้ำบางปะกงไหลจากเทือกเขาเขาใหญ่และไหลลงสู่อ่าวไทย และเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับการเกษตร การประมง และการคมนาคมมาช้านาน
ในช่วงต้นของสมัยรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2325–2394) จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงพื้นที่บางปะกง ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการเกษตรที่สำคัญ ที่ราบลุ่มรอบ ๆ แม่น้ำอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกข้าว เกษตรกรพึ่งพาแม่น้ำบางปะกงในการชลประทานมาอย่างช้านาน
ตามประวัติศาสตร์ บริเวณที่ล้อมรอบชายหาดบางปะกงเต็มไปด้วยป่าชายเลนและพื้นที่น้ำกร่อยที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาระบบนิเวศชายฝั่ง ป่าชายเลนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกำแพงธรรมชาติต่อพายุทะเลและช่วยเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิตทางทะเลโดยทำหน้าที่เป็นแหล่งอนุบาลสำหรับปลาและสิ่งมีชีวิตในทะเลอื่น ๆ ชายหาดนี้เองก็เป็นแนวชายฝั่งที่เงียบสงบซึ่งสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเป็นตัวกำหนดการดำรงชีวิตของชุมชนในท้องถิ่น
จุดเที่ยวชมที่อยากแนะนำคือ “ชายทะเลบ้านสองคลอง” มุมที่แอบซ่อนอยู่ในชุมชนชาวประมงใน ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์ป่าโกงกาง ถนนเล็ก ๆ มุ่งตรงเข้าสู่หมู่บ้าน ทอดยาวไปจนสุดทางที่ป่าชายเลน ก่อนจะเดินข้ามสะพานคอนกรีตเล็ก ๆ ผ่านแนวป่าชายเลนออกสู่ตัวชายหาด
ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบสงบกลมกลืนกับบรรยากาศ ริมชายหาดมีศาลาหลังน้อย สำหรับนั่งเล่น สันเขื่อนแนวป้องกันชายหาดเป็นแนวยาว ด้านหน้าจะพบท้องทะเลกว้างใหญ่ หันกลับมาจะเป็นภาพของหมู่บ้านชาวประมงที่เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย สะพานเล็ก ๆ ทอดข้ามแนวสันเขื่อน ถือเป็นจุดไฮไลต์ยามเย็นสำหรับคนที่หลงรักความเรียบง่าย แค่ได้มายืนอยู่นิ่ง ๆ เอมอิ่ม ใช้คำว่า “ใจฟู” ได้เลย
บริเวณสุดถนนก่อนเข้าสู่ตัวชายหาด มีร้านอาหาร “ไผ่ทะเล” บรรยากาศบ้าน ๆ ที่นี่เคยเป็นร้านรับแขกประจำหมู่บ้าน แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 ความนิยมก็ลดน้อยลงไป ปัจจุบันสภาพร้านอาจจะไม่เพอร์เฟ็คดังเดิม แต่ก็ยังเป็นทางเลือกที่จะฝากท้องกับอาหารทะเลพื้นบ้านรสชาติดี
ขณะที่โลกเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แต่ชายหาดบางปะกงที่แม่น้ำบรรจบกับทะเลยังคงเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนที่มองหาความตื่นเต้นหรือความหรูหรา มันเป็นสถานที่สำหรับคนที่รู้ว่าชีวิต เปรียบเหมือนแม่น้ำที่ไหลอย่างเงียบสงบและแน่วแน่
พรุ่งนี้ชาวประมงจะออกไปอีกครั้งเหมือนเช่นทุกวัน น้ำจะซัดเข้าฝั่ง ปูจะวิ่งบนผืนทราย และป่าชายเลนจะหยัดยืน หยั่งรากลึกลงไปในดิน ณ ที่ที่ปัจจุบันอยู่ร่วมกับอดีตได้อย่างกลมกลืน