AC กับ DC ต่างกันอย่างไร รู้ไว้ก่อนติดตั้งที่ชาร์จรถ EV

9

หากคุณกำลังวางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือกำลังพิจารณาติดตั้งที่ชาร์จที่บ้าน การทำความเข้าใจความแตกต่างว่ากระแสไฟฟ้า AC กับ DC ต่างกันอย่างไร เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกระบบชาร์จที่เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างชาญฉลาด

AC กับ DC: ความหมายพื้นฐาน

ก่อนจะไปรู้ว่าAC กับ DC ต่างกันอย่างไร เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า AC และ DC กันก่อน:

  • AC (Alternating Current) หรือกระแสสลับ คือกระแสไฟฟ้าที่เปลี่ยนทิศทางไปมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ไฟบ้านทั่วไปที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
  • DC (Direct Current) หรือกระแสตรง คือกระแสไฟฟ้าที่ไหลไปในทิศทางเดียวอย่างสม่ำเสมอ เช่น กระแสไฟที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่ของรถ EV

รถยนต์ไฟฟ้าทุกคันใช้แบตเตอรี่ที่รองรับไฟฟ้าแบบ DC ในการขับเคลื่อน แต่ไฟฟ้าที่เข้ามาจากระบบไฟบ้านเป็นแบบ AC ดังนั้น การแปลงไฟ AC เป็น DC จึงเป็นกระบวนการสำคัญในการชาร์จรถ EV

การชาร์จแบบ AC

การชาร์จแบบ AC คือการส่งไฟฟ้าแบบกระแสสลับเข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้าผ่านเครื่องชาร์จ จากนั้น Inverter ที่อยู่ในตัวรถจะทำหน้าที่แปลงไฟฟ้า AC เป็น DC ก่อนจะส่งเข้าสู่แบตเตอรี่ของรถยนต์

ข้อดีของการชาร์จแบบ AC

  1. ราคาประหยัด: เครื่องชาร์จ AC มีราคาถูกกว่าเครื่องชาร์จ DC เพราะกระบวนการแปลงไฟฟ้าถูกดำเนินการโดยตัวรถ
  2. เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป: การชาร์จแบบ AC เหมาะกับการชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงาน ซึ่งใช้เวลาชาร์จหลายชั่วโมง เช่น ชาร์จข้ามคืน
  3. การติดตั้งง่าย: ระบบไม่ซับซ้อน และไม่ต้องใช้ระบบไฟฟ้ากำลังสูง

ข้อเสียของการชาร์จแบบ AC

  1. ชาร์จช้ากว่า DC: ระยะเวลาชาร์จขึ้นอยู่กับกำลังไฟฟ้าที่เครื่องชาร์จสามารถส่งได้ ซึ่งมักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงสำหรับการชาร์จเต็ม
  2. พึ่งพา Inverter ของรถ: หาก Inverter ในตัวรถเสียหาย อาจส่งผลต่อการชาร์จ

การชาร์จแบบ DC

การชาร์จแบบ DC เป็นการส่งไฟฟ้าแบบกระแสตรงเข้าสู่แบตเตอรี่โดยตรง โดยเครื่องชาร์จ DC จะมี Inverter ในตัวที่ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าจาก AC เป็น DC ก่อนส่งเข้าสู่แบตเตอรี่

ข้อดีของการชาร์จแบบ DC

  1. ชาร์จรวดเร็ว: เครื่องชาร์จ DC สามารถส่งพลังงานในระดับสูง (High Power) ทำให้สามารถชาร์จรถได้ภายในเวลาเพียง 20-60 นาที ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่
  2. เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล: จุดชาร์จ DC มักจะอยู่ตามสถานีชาร์จ EV บนทางหลวง ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว

ข้อเสียของการชาร์จแบบ DC

  1. ราคาแพง: เครื่องชาร์จ DC และค่าติดตั้งมีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับ AC
  2. การติดตั้งยุ่งยาก: ต้องการระบบไฟฟ้าที่มีกำลังสูง เช่น 3-phase และต้องมีการขออนุญาตจากผู้ให้บริการไฟฟ้า
  3. ความร้อนที่เกิดขึ้น: การชาร์จด้วยกำลังไฟสูงอาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนเร็วกว่า ซึ่งส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่

เลือกแบบไหนดี ?

การรู้ว่า AC กับ DC ต่างกันอย่างไร ย่อมส่งผลต่อการเลือกที่ชาร์จ โดยมีปัจจัยที่ต้องคำนึงดังต่อไปนี้นี้:

  1. ลักษณะการใช้งาน: หากคุณใช้รถ EV ในชีวิตประจำวันและมีเวลาชาร์จตอนกลางคืน การชาร์จแบบ AC จะคุ้มค่าและเหมาะสมกว่า แต่หากคุณต้องเดินทางไกลบ่อยครั้ง การมีที่ชาร์จ DC จะช่วยประหยัดเวลา
  2. งบประมาณ: การติดตั้งที่ชาร์จ AC จะมีต้นทุนเริ่มต้นที่ต่ำกว่า แต่หากคุณพร้อมลงทุนและต้องการความสะดวกในการชาร์จเร็ว DC ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
  3. สถานที่ติดตั้ง: บ้านที่มีระบบไฟฟ้ากำลังต่ำหรือพื้นที่ที่มีข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างไฟฟ้า อาจเหมาะกับ AC มากกว่า

การเข้าใจความแตกต่างว่า AC กับ DC ต่างกันอย่างไร เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกที่ชาร์จรถ EV ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของคุณ หากคุณเน้นการใช้งานแบบประหยัดและชาร์จในระยะยาว การชาร์จ AC จะตอบโจทย์ แต่ถ้าคุณต้องการความรวดเร็วในระหว่างเดินทาง การชาร์จ DC จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด