เที่ยวเขตทหารเมืองเหนือ Army Land เชียงราย-เชียงใหม่

3

ความเป็นระเบียบเรียบร้อน สะอาด ปลอดภัย คือสิ่งที่จะได้เจอเมื่อเข้าสู่เขตทหาร ดินแดนที่อาจจะดูเป็นสถานที่ลับทางราชการ แต่ค่ายทหารในประเทศไทย หรือหลาย ๆ ประเทศ ก็มีมุมมองที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว

จะด้วยทำเลที่ตั้งหรือการจัดการอย่างเป็นระบบ ทำให้การท่องเที่ยวในเขตทหารเป็นสิ่งที่เราอยากเข้าไปสัมผัส เด็กน้อยอาจจะต้องรอวันเด็กแห่งชาติของทุกปี แต่ “เขตทหารยินดีต้อนรับ” หรือที่เรียกว่า Army Land ก็มีมุมมองให้เราได้เที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี

ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการฝึกแบบทหาร ขี่ม้า เข้าป่า ไต่หน้าผา กระโดดหอ ไปจนถึงการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งการเข้าไปใช้สถานที่ออกกำลังกาย ในแต่ละค่ายก็มีบริการส่วนนี้ให้กับประชาชน เฉพาะพื้นที่ของกองทัพบกก็มีท่องเที่ยวเขตทหารอยู่กว่า 400 แห่งทั่วประเทศ

น้อง ๆ ทหาร ที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ของ Army Land

ไม่นานมานี้ เรามีโอกาสได้เดินทางไปยัง มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬากองทัพบก ชวนไปเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวในเขตทหาร เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ เติมเต็มเรื่องราวเชียงรายในหลากมิติ


ศาลารอยพระบาท ร.9

สิริมงคลแรกเอาฤกษ์เอาชัยเมื่อเดินทางมาถึง “ค่ายเม็งรายมหาราช” ทุกคนได้เข้าสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าในเย็นสบาย ก่อนจะเดินทางไปยัง “ศาลารอยพระบาท รัชกาลที่ 9” ซึ่งประดิษฐานอยู่บนดอยโหยด ภายในค่ายฯ

นี่คือ “รอยพระบาท ร.9” หนึ่งเดียวในโลก ย้อนไปเมื่อ พ.ศ.2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงประทับรอยพระบาทลงบนปูนปลาสเตอร์ ณ ดอยยาว – ดอยผาหม่น อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารหาญ ในการสู้รบกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น

พุทธสถานดอยเจดีย์ ค่ายเม็งรายมหาราช

ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ทางค่ายฯ จึงอัญเชิญมายังศาลารอยพระบาท ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่มีความงดงามบนเนินเขาสูง สามารถมองเห็นวิวเมืองเชียงรายได้กว้างไกล เป็นอีกจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวนี้

 


 

พิพิธภัณฑ์ทหาร มทบ.37

“พิพิธภัณฑ์ทหาร มทบ.37” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2484 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2485 เพื่อใช้เป็นที่พักของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ในขณะนั้น) สำหรับการเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และเป็นที่ตั้งกองบัญชาการสนามกองทัพพายัพ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 – 2489 เมื่อครั้งกองทัพไทยไปรบที่เมืองเชียงตุง

จากนั้นได้ใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่องในภารกิจต่าง ๆ จน ต่อมาได้รับการบูรณะซ่อมแซมและจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ (ที่มา: https://db.sac.or.th/museum/museum-detail/1431)

ด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นจึงได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรม ประจำปี พ.ศ. 2559 ประเภทอาคารสาธารณะ จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์

ด้านหน้าของอาคารมีร้านกาแฟเล็ก ๆ แอบอิงอยู่ในร่มไม้ใหญ่ ชื่อว่า “กาแฟจอมพล” มีมุมให้เลือกนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ

 


อนุสรณ์สถานพระเจ้ากาวิละ

จากเชียงรายเดินทางต่อไปยัง มณฑลทหารบกที่ 33 “ค่ายกาวิละ” ซึ่งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยบริเวณหน้าค่าย บริเวณริมแม่น้ำปิง เป็นที่ตั้งของ “อนุสาวรีย์เจ้ากาวิละ” ผู้ทรงมีคุณูปการแก่ผืนแผ่นดินล้านนาไทย โดยเมื่อปี พ.ศ. 2317 พระองค์ได้ทรงนำกำลังชาวล้านนาเข้าร่วมกับกองทัพพระเจ้าตากสินมหาราช ขับไล่ข้าศึกออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ได้สำเร็จ

“อาคารอนุสรณ์สถานพระเจ้ากาวิละ” เป็นสถานที่จัดแสดงภาพเหตุการณ์ในอดีต และสิ่งของเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้ากาวิละ อันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาทางประวัติศาสตร์

ภายในค่ายกาวิละ


 

นอกจากพื้นที่ในค่ายทหารแล้ว ยังมีพื้นที่ซึ่งอยู่ในความดูแลความสงบเรียบร้อยโดยทหารตามดินแดนแห่งไกลต่าง ๆ ซึ่งมีธรรมชาติอันงดงาม แม้บางแห่งจะเป็นเพียงลานกลางป่ากลางเขา แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวดั้นด้นขึ้นไปขอกางเต็นท์

อยู่ที่ไหนก็อุ่นใจ ด้วยมิตรไมตรีและการดูแลจากพี่ ๆ ทหาร