CHAO ประกาศยุทธศาสตร์ปี 2568 มุ่งสู่แบรนด์ขนมขบเคี้ยวไทยชั้นนำระดับโลก ชูเป้าหมายรายได้เติบโตทะลุ 2,200 ล้านบาท ภายในปี 2570 ผ่าน 4 กลยุทธ์สร้างการเติบโตแบบก้าว พร้อมประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวเติบโตเฉลี่ย 6.5% ปักธงปี 2568 ขยายเพิ่ม 5-10ประเทศ ในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และกลุ่มประเทศฮาลาล
ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เปิดเผยว่า “เจ้าสัว” เป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ของไทย มีเป้าหมายในการรักษาการเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ควบคู่กับการเดินหน้ายุทธศาสตร์สำคัญในการนำพาแบรนด์ขนมขบเคี้ยวไทยไปสู่ตลาดโลก ภายใต้แนวคิด “Bring local to global” เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวไทยชั้นนำระดับโลก

ทั้งนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้เติบโตทะลุ 2,200 ล้านบาท ในปี 2570 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 12% ต่อปี ผ่าน 4 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สร้างการเติบโต ได้แก่
1.ความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence) บริษัทฯ ตั้งเป้าสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค ผ่านการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยและน่าสนใจ พร้อมสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านแคมเปญการตลาดที่แข็งแกร่ง ผสมผสานสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างลงตัว รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ “เจ้าสัว” ในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำขนมขบเคี้ยวคุณภาพของไทย
- นวัตกรรมและความหลากหลาย (Product Innovation & Diversification) บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (NPDs) ไม่ต่ำกว่า 15-20 SKUs อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีแผนขยายไปสู่ตลาดขนมเพื่อสุขภาพ
- เสริมความแข็งแกร่งในการจัดจำหน่าย (Distribution Channel Reinforcement) บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่องทางค้าปลีกทั้งแบบดั้งเดิม (Traditional Trade: TT) และค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade: MT) ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่องทางออนไลน์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับในตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ จะเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กลุ่มลูกค้าเดิม ควบคู่กับการขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยแบ่งเป็น
– สหรัฐอเมริกาและแคนาดา บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ขึ้นใหม่ เพื่อดูแลการขายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาโดยเฉพาะ กลยุทธ์หลักคือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองเข้าสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย ก่อนที่จะขยายไปยังช่องทางอื่นๆ พร้อมทั้งเพิ่มการออกงานแสดงสินค้า (Fair) ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้า
– ประเทศจีน บริษัทฯ มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนลูกค้า ทั้งในกลุ่มผู้จัดจำหน่าย (Distributor) และผู้ค้าปลีก (Retailer) ควบคู่ไปกับการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์และกระตุ้นยอดขาย
– ประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยได้เริ่มขยายตลาดเพิ่มเติมในปี 2567 ที่ผ่านมา กลยุทธ์ในปี 2568จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง (Build Fundamental) และการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
- การขยายตลาดสู่ระดับสากล (International Market Expansion) โดยในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการขยายสู่กลุ่มประเทศใหม่เพิ่มเติม 5-10 ประเทศ โดยมุ่งเน้นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพเติบโตในภูมิภาคเอเชีย และยุโรป ผ่านการออกงานแสดงสินค้า พร้อมแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ด้วยแนวคิด “Better-for-You” Snack ซึ่งกำลังเติบโตทั่วโลก บริษัทฯ วางแผนสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยการเสริมความแข็งแกร่งและสร้างรากฐานในประเทศใหม่ ๆ พร้อมขยายไปสู่ภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง รวมถึงตลาดในกลุ่มประเทศฮาลาล ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการเติบโต

สิริณัฏฐ์ ชญาน์นันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยวไทยระหว่างปี 2567-2570 คาดว่าจะเติบโตที่ CAGR 6.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัว โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป สำหรับภาคเอกชนมีแรงส่งต่อเนื่องจากภาคธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่มีแรงสนับสนุนหลักจากการฟื้นตัวของรายได้
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่เจ้าสัวดำเนินธุรกิจอยู่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยระหว่างปี 2567-2570 คาดว่าจะยังมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก
สำหรับตลาดข้าวตังคาดการณ์ว่าจะเติบโตที่ CAGR 14.4% ซึ่งเจ้าสัวมีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่งที่ 79% คาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าตลาดรวมที่ 1,635 ล้านบาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์คาดว่าจะเติบโตที่ CAGR 13.9% โดยเจ้าสัวครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่งที่ 62% และคาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 732 ล้านบาท