“SHARP กรุงไทยการไฟฟ้า” เดินเกมบุกกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ปรับดีไซน์ทันสมัยรับกลุ่ม New Gen ขยายไลน์สินค้าที่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน พร้อมเปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในไตรมาสแรกของปี เผยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจยังผันผวน เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทาย หน้าร้อนยังน่าลุ้น ตลาดพัดลม 7 พันล้านเดาทางยาก ตั้งเป้าเติบโตได้ดีกว่าตลาดรวมที่ 5%
วิโรจน์ ทานัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ SHARP (ชาร์ป) เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง นับเป็นความท้าทายของบริษัทฯ ในการทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน โดยปีนี้จะมุ่งไปที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ 5 กลุ่ม ประกอบด้วย พัดลม หม้อหุงข้าว หม้อทอดไร้น้ำมัน เตารีด และเครื่องทำน้ำอุ่น
แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า SHARP ทำตลาดในประเทศไทยมากว่า 52 ปี โดยมีสินค้าคุณภาพสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลงไป โดยคนรุ่นใหม่จะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ที่ทันสมัย นอกจากฟังก์ชันการใช้งานแล้ว ต้องมีรูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับการตกแต่งภายในห้อง และมองว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าถือเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งของบ้าน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลให้บริษัทฯ ได้ทำการปรับโฉมรูปลักษณ์หน้าตาของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และเริ่มแนะนำออกสู่ตลาดในปีที่ผ่านมา
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ ประกอบด้วย
1.พัดลม SHARP ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ สวย ทน ชูความแตกต่างเหนือคู่แข่งด้วยการรับประกันทุกชิ้นส่วน 3 ปี
2.หม้อหุงข้าว SHARP CUBE รุ่น 1 ลิตร หม้อหุงข้าวมีดีไซน์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดหม้อหุงข้าวในประเทศไทย
3.หม้อทอดไร้น้ำมัน SHARP รุ่น 4.2 ลิตร 6.8 ลิตร และ 7 ลิตร ตอบโจทย์การทำอาหารของครอบครัวยุคใหม่
4.เตารีดไอน้ำ SHARP 3 รุ่น ถือเป็นการบุกตลาดเตารีดไอน้ำอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากเป็นผู้นำในกลุ่มเตารีดแห้ง
5.เครื่องทำน้ำอุ่น SHARP รุ่น MODI (โมดี้) 3,500 วัตต์ และ 4,500 วัตต์ ซึ่งมีการปรับดีไซน์ครั้งใหญ่ เน้นการออกแบบตัวเครื่องสไตล์โมเดิร์น เข้ากับเทรนด์การออกแบบห้องน้ำในปัจจุบัน
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน หม้อหุงข้าว SHARP เป็นแบรนด์ผู้นำอันดับ 1 มีสัดส่วนมากกว่า 40% จากมูลค่าตลาดหม้อหุงข้าวกว่า 4 พันล้านบาท โดยคาดว่าการปรับดีไซน์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ จะทำให้ SHARP ครองใจกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น
ขณะที่มูลค่าตลาดพัดลม 7-8 พันล้านบาท SHARP ยังครองส่วนแบ่งอยู่ในอันดับที่ 2 ทั้งนี้การแนะนำสินค้าใหม่ที่มีทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ พร้อมคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่นที่วางใจได้ จะทำให้พัดลม SHARP มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในปีนี้
ในช่วงไตรมาสที่ 1 – 2 ของปี หรือการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย เป็นช่วงที่ตลาดพัดลมมีการแข่งขันที่ดุเดือดพร้อมความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนในปัจจุบัน นับเป็นโจทย์ที่บริษัทฯ ต้องเตรียมปรับตัวรับกับความท้าทายเหล่านี้ ขณะที่ปัจจัยบวกของตลาดพัดลม คือ อัตราถือครองและการเปลี่ยนสินค้าใหม่ แม้ว่าทุกวันนี้ทุกบ้านจะมีพัดลมไว้ใช้งาน แต่ยังมีโอกาสซื้อเพิ่มเพื่อใช้งานในห้องต่าง ๆ รวมทั้งการซื้อแทนของเก่าที่เสื่อมสภาพ
ด้านสถานการณ์การแข่งขันของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจากการเข้ามาทำตลาดของสินค้าแบรนด์จีนในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ว่า หากเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดีพอ ก็จะพบกับผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ และจะหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์จีน ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในด้านราคาที่อาจปรับตัวลดลงได้อีก
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตประมาณ 5% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และเป็นอัตราที่สูงกว่าภาพรวมตลาด ปัจจัยหลักมาจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และการกลับมาทำตลาดอย่างจริงจังในรอบ 10 ปี
“ชาร์ปมีความมุ่งหวังในการเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพที่อยู่คู่คนไทยได้อย่างยั่งยืน แม้ว่าจะห่างหายจากการทำตลาดไปนาน แต่เป็นช่วงเวลาที่ได้มีการศึกษาวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม New Generation ทั้งวัยรุ่น และคนที่เริ่มต้นทำงาน ซึ่งต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีดีไซน์ทันสมัย รองรับการอยู่อาศัยอย่างมีสไตล์ ด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ คาดว่าจะช่วยผลักดันแบรนด์ SHARP ขึ้นสู่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กอันดับ 1 ของเมืองไทย” วิโรจน์ กล่าว