“MOSHI” เปิดวิสัยทัศน์ปี 2568 สู่ผู้นำตลาดค้าปลีกไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน

0
(จากซ้าย)สง่า บุญสงเคราะห์ และ บุณยวีร์ บุญสงเคราะห์

‘บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น’ หรือ MOSHI ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2568 สู่ผู้นำตลาดค้าปลีกไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน วางเป้าหมายมุ่งสู่การเป็น Shopping Destination ที่ลูกค้าต้องแวะมาเยี่ยมชมและเลือกซื้อ พร้อมขึ้นแท่น Top of Mind ครองใจผู้บริโภค ชูจุดขาย ‘ดีไซน์โดดเด่น คุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้’ เดินหน้าปักธงรายได้ปี 2568 เติบโต 15-20% เร่งปูพรมเปิดสาขาเพิ่ม 40 สาขาในปีนี้

นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตจากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศและแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล รวมถึงยังมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 โดยอยู่ที่ประมาณ 39 ล้านคน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายของห้างสรรพสินค้าในเมืองท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน ธุรกิจค้าปลีกอาจต้องเผชิญความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงซึ่งกดดันกำลังซื้อของผู้บริโภค ต้นทุนดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ต้องการเข้าสู่ตลาด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความท้าทายในตลาดค้าปลีกโดยเฉพาะการแข่งขันที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับตัวของผู้เล่นรายเดิมและการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ เนื่องจากตลาดค้าปลีกมีศักยภาพการเติบโตที่ดีและมีอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด (Barrier to Entry) ต่ำ แต่ด้วยความเข้าใจตลาดและประสบการณ์ที่บริษัทฯ สั่งสมมา ประกอบกับมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายใต้จุดขายที่เป็นจุดแข็งคือ ‘ดีไซน์โดดเด่น คุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้’

โดยให้ความสำคัญกับการคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพมีฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สวยงามในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม อีกทั้ง ยังมีการบริหารจัดการสินค้าในทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความแข็งแกร่งนั้น ทำให้ MOSHI สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ภายในระยะเวลา 3 ปีแรกของการทำธุรกิจ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวว่า สำหรับในปี 2568 บริษัทฯ ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน และพร้อมมุ่งสู่เป้าหมายผลการดำเนินงานปี 2568 เติบโต 15-20% ซึ่งอัตราการเติบโตของรายได้มาจากการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ รวมถึงอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ซึ่งในปีนี้จะรักษาให้เท่ากับปี 2567 ที่ 3-5%

ด้วยปัจจัยเติบโตจาก 1) เสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาด โดยบริษัทฯ มีแผนขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีก 40 สาขา เน้นการขยายสาขาในรูปแบบที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และ Hyper Market รวมถึงสาขา Standalone 2 รูปแบบ คือ สาขาใกล้มหาวิทยาลัย เพื่อเข้าถึงกลุ่มนักศึกษาและชุมชนโดยรอบ และ Pilot Project สาขาขนาดใหญ่พื้นที่ 300 ตารางเมตรขึ้นไปในเขตชุมชน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายและสร้างศูนย์กลางการจับจ่ายในพื้นที่ พร้อมมุ่งเน้นการขยายสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายฐานลูกค้าอย่างยั่งยืน ส่งผลให้บริษัทฯ มีสาขาครบทั้งสิ้น 200 สาขาภายในปีนี้ ครอบคลุมทั่วประเทศ

2) สร้างความได้เปรียบด้วยสินค้าใหม่ทั้งแบบมีลิขสิทธิ์และสินค้าทั่วไป โดยจะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าโดยการขยายพอร์ตสินค้าเข้าสู่หมวดหมู่ใหม่ ๆ พร้อมเปิดตัวคอลเลกชันพิเศษที่ร่วมมือกับลิขสิทธิ์ชั้นนำอย่างต่อเนื่อง 3) สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค ด้วยฐานสมาชิกปัจจุบันกว่า 600,000 ราย จะเดินหน้าสร้างความผูกพันผ่านสิทธิประโยชน์และโปรโมชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และพร้อมดึงดูดลูกค้าใหม่จากทำเลใหม่ ๆ ที่เปิดตัว เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้ง

4) จับโอกาสในตลาดกลุ่มสินค้าที่กำลังเติบโต โดยเน้นกลุ่ม Home Furnishing และ Fashion ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และ 5) พัฒนาสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งเพิ่มคุณค่า ผ่านการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมรักษาระดับราคาที่เหมาะสมและสามารถแข่งขันได้ 6) ขยายการเติบโตในช่องทางออนไลน์ บริษัทฯ จะผลักดันยอดขายในช่องทางออนไลน์ผ่านการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและจัดโปรโมชันที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

นางสาวบุณยวีร์ บุญสงเคราะห์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์ธุรกิจและการปฏิบัติการ MOSHI กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้มีการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพ การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ (Online) รวมถึงมีการออกสินค้าใหม่กว่า 1,000 รายการต่อเดือน จากปัจจุบันมีจำนวนสินค้ารวมแล้วมากกว่า 20,000 รายการ โดยผลักดันทั้งกลุ่มสินค้า License และสินค้าทั่วไป พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ผ่านกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันที่โดดเด่นด้วยการออกแบบสวยงาม ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่ม

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินกลยุทธ์ Collaboration จับมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ เช่น เจ้าของลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์แบรนด์ดัง อาทิ Sanrio, Disney, Snoopy เป็นต้น รวมถึงการคอลแลปส์กับศิลปินที่เป็นที่นิยมชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน K-POP และศิลปินไทย ในการพัฒนาและออกสินค้าร่วมกัน เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและดีไซน์ ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้า อย่างในปีนี้ก็ได้นำคาแรคเตอร์ที่กำลังเป็นกระแสและได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศอย่าง “หมูเด้ง” มาพัฒนาสู่คอลเลกชันพิเศษ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า นอกจากนั้น ยังมีการออกสินค้าคอลเลกชันพิเศษที่หลากหลายครอบคลุมเทศกาลสำคัญต่างๆ

พร้อมกันนี้ ได้ยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งด้วยบริการที่น่าประทับใจ และสร้างบรรยากาศภายในร้านค้าด้วยการจัดวางที่น่าดึงดูด รวมถึงได้เริ่มจัดทำระบบสมาชิก (Member) ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 6 แสนยูสเซอร์ นับเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้รับรู้ความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น ตลอดจนการสร้าง Branding “Moshi Moshi” ให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นและยอมรับในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ภายใต้เป้าหมายสูงสุดของ MOSHI คือ การเป็น Shopping Destination ที่ลูกค้าต้องแวะมาเยี่ยมชมและเลือกซื้อ ขณะเดียวกัน พร้อมก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ที่สามารถครองใจของผู้บริโภค (Top of Mind) ได้

ทั้งนี้ MOSHI ตระหนักดีว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงนโยบายหรือโครงการเสริม แต่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะผนวกแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้าสู่ทุกกลยุทธ์ของการดำเนินธุรกิจ ครอบคลุมทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ไม่เพียงแต่กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ยังมุ่งสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร โดยหลอมรวมแนวคิดนี้เข้าสู่ทุกกระบวนการดำเนินงาน ตั้งแต่การวางแผน การปฏิบัติงาน ไปจนถึงการประเมินผล เพื่อให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตของธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงและยั่งยืน