บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงานและผู้ให้บริการโซลูชันสีเขียวอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย IoT ประกาศเปิดตัว Vari°ROW ไมโครดาต้าเซ็นเตอร์แบบโมดูลาร์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อปฏิวัติการติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในพื้นที่จำกัดและพื้นที่ปฏิบัติการ ด้วยการผสานรวมของระบบ IT ระบบพลังงาน และระบบทำความเย็นไว้ในที่เดียว ทำให้ Vari°ROW มอบทั้งประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และความยืดหยุ่นที่ตอบโจทย์กับความต้องการของอุตสาหกรรมยุคปัจจุบัน
นายศักดิ์ดา แซ่อึ้ง ผู้อำนวยการฝ่ายแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “Vari°ROW เป็นเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของธุรกิจยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป เพราะเมื่อธุรกิจเหล่านี้ต้องทำงานในพื้นที่ที่จำกัดและต้องใกล้ชิดกับผู้ใช้งานมากขึ้น เจ้าของธุรกิจจึงต้องการโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีความยืดหยุ่น เทคโนโลยี Vari°ROW ของเราจึงไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ทั่วไป แต่เป็นโซลูชันที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำพาธุรกิจยุคใหม่ไปสู่การเติบโตด้านดิจิทัลอย่างยั่งยืน”
ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว องค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญกับความท้าทายในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ในพื้นที่ที่มีลักษณะต่างไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น อาคารสำนักงาน ร้านค้าปลีก คลินิก หรือสถานีโทรคมนาคม โดยข้อมูลจาก IDC พบว่า ภายในปี 2568 กว่า 50% ของโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ขององค์กรจะถูกติดตั้งในพื้นที่ edge หรือบริเวณที่ใกล้กับจุดที่มีการใช้งานข้อมูลจริง เพื่อให้สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน ดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลกยังมีส่วนในการปล่อยคาร์บอนถึง 1-4% ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมด ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิมกำลังเป็นที่จับตามองของหน่วยงานกำกับดูแลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความต้องการเทคโนโลยีดาต้าเซ็นเตอร์รูปแบบใหม่ ที่มีความกะทัดรัด ประหยัดพลังงาน และสามารถทำงานใกล้ชิดกับผู้ใช้ พร้อมส่งเสริมความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
Vari°ROW ถูกพัฒนาบนโครงสร้างสำเร็จรูปที่บูรณาการระบบประมวลผล ระบบจัดเก็บข้อมูล เครือข่าย UPS ระบบ PDU และระบบทำความเย็นแบบแม่นยำ (5-20 กิโลวัตต์) ไว้ในที่เดียว ซึ่งต่างจากการติดตั้งแบบดั้งเดิมที่องค์ประกอบเหล่านี้ถูกติดตั้งแบบแยกส่วนและใช้พื้นที่มาก การออกแบบเชิงบูรณาการนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บความเย็นได้ถึง 20% และลดการสูญเสียอากาศเย็นพร้อมทั้งลดต้นทุนการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี
ระบบการทำงานของ Vari°ROW ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ธนาคาร สาธารณสุข การศึกษา การผลิต ไปจนถึง SMEs ซึ่งล้วนเป็นภาคส่วนที่ต้องการความต่อเนื่องในการทำงานและมีพื้นที่จำกัด ด้วยรูปแบบที่ครบวงจรในตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง Vari°ROW ในพื้นที่ที่ไม่รองรับดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิม ช่วยให้องค์กรสามารถขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
Vari°ROW รองรับการทำงานสำหรับระบบไอทีที่ใช้ไฟ 5-20 กิโลวัตต์ และขยายระบบได้สูงสุดถึงแปดตู้แร็คที่เชื่อมต่อกัน และยังมาพร้อมคุณสมบัติที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟสำรอง UPS (รุ่น Delta RT Series) ระบบดับเพลิง (Novec 1230) ระบบทำความเย็นแบบ DX air-cooled (รองรับถึง 40 กิโลวัตต์) ระบบระบายอากาศฉุกเฉิน และระบบไฟส่องสว่างภายใน นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามการทำงานแบบเรียลไทม์ผ่านซอฟต์แวร์ DCIM ของเดลต้า ที่จะแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบผ่านแอปพลิเคชันผ่านทางอีเมล หรือ SMS
ปละเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนของเดลต้า Vari°ROW จึงถูกพัฒนาให้สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 20-30% และมีค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (PUE) ต่ำเพียง 1.6 นอกจากนี้ รูปแบบที่กะทัดรัดและติดตั้งได้ง่ายยังช่วยลดการใช้พื้นที่และลดการสูญเสียพลังงาน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของลูกค้า
หลังจากได้รับความสนใจอย่างมากในภูมิภาค งานเปิดตัวการติดตั้ง Vari°ROW จะจัดขึ้นครั้งแรกที่ฟิลิปปินส์ในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ โดยกลุ่มผู้ใช้รายแรกจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมการเงินต่างชื่นชมประโยชน์ของโซลูชันดังกล่าว ทั้งการติดตั้งที่รวดเร็ว ขนาดที่กะทัดรัด และประสิทธิภาพการทำงานที่โดดเด่น
การเปิดตัวโซลูชัน Vari°ROW เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเดลต้าในการผลักดันโลกดิจิทัลในอนาคตที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยให้องค์กรต่าง ๆ เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ในฐานะที่เดลต้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100) และมีเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เรายังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพสูงและปล่อยคาร์บอนต่ำ เพื่อสอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของโลก