ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช ร่วมกับภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมเวที “SiCOE Forum 2025 x SDGs” เพิ่มทางเลือกการรักษาด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมทันสมัย ภายใต้สโลแกน “แม่นยำ ฟื้นไว ไร้แผล” เสนอรัฐ ขยายสิทธิ์รักษา เป็นหนึ่งในนโยบายสาธารณสุข ขยายศักยภาพการรักษาด้วย IR (Interventional Radiology) สู่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลทุกภูมิภาค สร้างหมอรุ่นใหม่ สู่วิชาชีพ หมอ IR (Interventional Radiologist) เพิ่ม รองรับจำนวนผู้ป่วยทั่วประเทศ
อ.นพ.บุญฤกษ์ แสงเพชรงาม ประธานศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า (วันนี้ 22 เมษายน 2568 ) ได้ร่วมกิจกรรม “SiCOE Forum 2025x SDGs” ณ ศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งถือเป็นกิจกรรมประจำปี ที่จะนำความก้าวหน้า ในเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการแพทย์ผสมผสานเทคนิคการผ่าตัดที่มีความทันสมัยในการ รักษาผู้ป่วย มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นครั้งแรก ในการเปิด “นวัตกรรมของหมอไออาร์ (IR ) ภายใต้สโลแกน “แม่นยำ ฟื้นไว ไร้แผล” เพื่อลดภาระของผู้ป่วย พร้อมทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว ในการเข้ามาใช้บริการเพื่อรักษา รวมถึงการส่งเสริมบุคลากรทางการแพทย์ ด้านรังสีร่วมรักษา หรือ หมอ IR เพิ่มขึ้น
“การรักษาด้วย ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ไออาร์ (IR) เป็นเทคโนโลยีใหม่ สำหรับประเทศไทย หากสามารถขยายไปยังภูมิภาคทั่วประเทศ จะส่งผลดีต่อกระบวนการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ลดความเสี่ยงของการดูแล และการติดเชื้อของผู้ป่วยได้ ซึ่งปัจจุบัน ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่มีความก้าวหน้า จำเป็นต้องมีการเพิ่มจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาล ให้มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ”
นอกเหนือจากการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การผลักดันให้รังสีร่วมรักษาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสาธารณสุข เพื่อให้เกิดการสนับสนุนด้านงบประมาณ ขยายศักยภาพการรักษาด้วย IR สู่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษา ช่วยลดภาระผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางเข้ามารับการรักษาในเมือง เพราะด้วยสถานการณ์ โรคในปัจจุบัน มีจำนวนผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาด้วยหมอ IR หรือรังสีร่วมรักษาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้วิทยาการดังกล่าว เป็นการรักษาที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้
“ปัจจุบัน วิธีทางรังสีร่วมรักษา หรือ IR ได้ก้าวมาเป็นทางเลือกการรักษายุคใหม่ที่เข้ามาปฏิวัติวงการแพทย์ ด้วยจุดเด่นของการรักษาที่ “แม่นยำ ฟื้นไว ไร้แผล” อ.นพ.บุญฤกษ์ กล่าว โดยอธิบายว่า รังสีร่วมรักษา หรือ Interventional Radiology : IR เป็นเทคนิคการรักษาด้วยการใช้ “ภาพนำทาง” ทางการแพทย์ เช่น เอกซเรย์ (X-ray), เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan), คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI),และอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เป็นตัวนำทางในการรักษา โดยแพทย์จะสอดใส่อุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น สายสวน (catheter), ลวดนำทาง (guidewire), เข็มเจาะ (needle) เข้าไปในร่างกายผ่านทางหลอดเลือดหรือผิวหนังเพื่อทำการรักษาโรคที่บริเวณนั้นๆ ได้อย่างแม่นยำ เช่น การอุดหลอดเลือด การขยายหลอดเลือด การให้ยาเคมีบำบัด การจี้เนื้องอก โดยเป็นหัตถการแบบแผลเล็ก (minimally invasive) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยบาดเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเดิม
ภาพนำทาง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาด้วยรังสีร่วมรักษา ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นตำแหน่งของโรคได้อย่างชัดเจน และวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ การเลือกใช้ภาพนำทางชนิดใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละกรณี เช่น อัลตราซาวด์เหมาะกับการรักษาที่อยู่ตื้นๆ ใกล้ผิวหนัง ส่วน CT Scan ช่วยให้มองเห็นอวัยวะภายในและวางแผนการรักษาที่ซับซ้อนได้

ด้าน รศ.นพ. สมราช ธรรมธรวัฒน์ อาจารย์แพทย์ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและองค์ความรู้ทางการแพทย์ที่มาประสานรวมกัน ทำให้ปัจจุบันการรักษาด้วยรังสีร่วมรักษา (IR) ได้ก้าวมามีบทบาทเป็นทางเลือกใหม่ของการรักษาโรคต่างๆ ครอบคลุมตั้งแต่โรคทางระบบประสาทไปจนถึงโรคทางระบบลำตัว อาทิ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke), การจี้รักษาเนื้องอกและมะเร็ง เช่น มะเร็งตับ, มะเร็งปอด, มะเร็งไต, ต่อมไทรอยด์โต
นอกจากนี้ ยังเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคต่างๆ มากมาย อาทิเช่น การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยวิธีอุดหลอดเลือด (Prostate artery embolization หรือ PAE), การรักษาเนื้องอกมดลูกโดยการอุดหลอดเลือด (Uterine artery Embolization) การรักษาข้อเข่าเสื่อมโดยวิธีอุดหลอดเลือดเพื่อลดอาการปวด (Genicular artery embolization หรือ GAE), การรักษาเนื้องอกต่อมไทรอยด์โดยการจี้ด้วยความร้อน, การอุดหลอดเลือดในภาวะเลือดออกจากอุบัติเหตุ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม แม้การรักษาด้วยรังสีร่วมรักษา (IR) จะมีประโยชน์มากมาย แต่ผู้ป่วยและประชาชนส่วนใหญ่ยังรู้จักศาสตร์ทางการแพทย์สาขานี้ไม่มากนัก ศูนย์ IR ส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในเมือง อีกทั้งยังมีบุคลากรทางการแพทย์ด้านรังสีร่วมรักษา หรือ “หมอ IR” จำนวนจำกัด จำนวนแพทย์ IR ด้านระบบลำตัวทั่วประเทศมีเพียง 140 คน
รศ.นพ. สมราช กล่าวว่า การขยายเครือข่ายการให้บริการรังสีร่วมรักษาให้ครอบคลุมทั่วประเทศยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีราคาสูง อย่างเช่นเครื่องเอกซเรย์หลอดเลือด (Digital Subtraction Angiography) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาหลายชนิด ทำให้การเข้าถึงบริการการรักษาของผู้ป่วยยังคงเป็นข้อจำกัด โดยเฉพาะโรงพยาบาลในส่วนภูมิภาค
การผลักดันการรักษา IR ให้เข้าถึงผู้ป่วยทั่วประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษา ลดภาระการเดินทางเข้ามารักษาในเมือง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยชาวไทยทั่วประเทศให้เข้าถึงการรักษาที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” รศ.นพ. สมราช กล่าว
ศ.คลินิก พญ.อัญชลี ชูโรจน์ ผู้ก่อตั้งศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช กล่าวว่า ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช เป็น 1 ใน 19 ศูนย์ความเป็นเลิศ (SiCOE) ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการตรวจวินิจฉัย และรักษาโรคด้วยวิธีการทางรังสีร่วมรักษา แบ่งเป็น 2 ระบบ ได้แก่ 1. ระบบประสาทและไขสันหลัง (Interventional Neuroradiology) 2. ระบบลำตัว (Body Interventional Radiology) อีกทั้งยังมีบทบาทในการการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางรังสีร่วมรักษาด้วยหลักสูตรที่ได้การรับรองจากแพทยสภา
ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช มีความมุ่งหมายที่จะเป็นผู้นำและผู้ชี้นำด้านรังสีร่วมรักษาในระดับสากล ทั้งในด้านการให้บริการ การผลิตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการค้นคว้าวิจัย พัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง โดยยึดประโยชน์การรักษาให้กับผู้ป่วยเป็นเป้าหมายสำคัญ
รู้จักศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช
ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช (Siriraj Center of Interventional Radiology : SiCIR ) เป็น 1 ใน 19 ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ศิริราช จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2560 ภายใต้การกำกับของโรงพยาบาลศิริราช โดยมีบทบาทในการให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีการทางรังสีร่วมรักษา และเป็นสถาบันผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีร่วมรักษาด้วยหลักสูตรที่ได้การรับรองจากแพทยสภา
ทั้งนี้ การรักษาด้วยวิธีทางรังสีร่วมรักษาในประเทศไทย ได้เริ่มวางรากฐานและขับเคลื่อนพัฒนาต่อเนื่องโดย ศ.เกียรติคุณ นพ.นรา แววศร ผู้ก่อตั้งหน่วยรังสีวิทยาหลอดเลือดและรังสีร่วมรักษา ซึ่งเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ภายใต้สังกัดสาขาวิชารังสีวินิจฉัย ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กระทั่งต่อมาในวันที่ 6 มิถุนายน 2560 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จึงได้มีการจัดตั้ง “ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช” อย่างเป็นทางการ ยกระดับขึ้นเป็น 1 ใน 19 ศูนย์ความเป็นเลิศ (SiCOE) ของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ปัจจุบัน ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช ให้บริการตรวจวินิจฉัยโรคของระบบหลอดเลือด และให้การรักษาโรคด้วยวิธีการทางรังสีร่วมรักษา โดยแบ่งได้เป็น 2 ระบบ ดังนี้
- ระบบประสาทและไขสันหลัง (Interventional Neuroradiology)
- ระบบลำตัว (Body Interventional Radiology)
อีกทั้งยังเป็น ศูนย์การเรียนรู้ เพื่อผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางรังสีร่วมรักษา และบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นสถานที่ศึกษาดูงานของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จากสถาบันต่างๆ มีการจัดประชุมทางวิชาการ และผลิตผลงานทางวิชาการและงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ที่สนใจ หรือต้องการข้อมูลการรักษาเพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช (SiCIR)
- สถานที่ : ตึก 72 ปี ชั้น 2 ฝั่งตะวันออก (หน้าลิฟท์) โรงพยาบาลศิริราช
- โทรศัพท์ : 02- 419 – 8731
- Website : https://www.sicir.org
- Facebook : https://www.facebook.com/SiCIR.th
- Line Official Account : @sicir