3 เทรนด์ บ้านพักคนชราที่กำลังมาแรง

0

ในขณะที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว ธุรกิจบ้านพักคนชราและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกำลังเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5.9 หมื่นล้านบาทภายในปี 2570

ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ประเทศไทยมีประชากรสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) คิดเป็นร้อยละ 20.1 ของประชากรทั้งหมด นับเป็นการเข้าสู่ “สังคมสูงวัยสมบูรณ์” (Aged Society) อย่างเป็นทางการ และคาดว่าจะเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (Super-aged Society) ภายในปี 2574 เมื่อสัดส่วนประชากรสูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด

ธุรกิจบ้านพักคนชรากำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย โดยมีเทรนด์สำคัญ 3 ประการที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมนี้:

  1. ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบผสมผสาน (Integrated Elderly Care)

แนวคิดนี้รวมที่พักอาศัย บริการทางการแพทย์ และกิจกรรมเพื่อสุขภาพไว้ในที่เดียวกัน โครงการ “The Residence Senior Living” ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวอย่างของโมเดลธุรกิจนี้ โดยมีทั้งคอนโดมิเนียมสำหรับผู้สูงอายุที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง และศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพครบวงจร

โมเดลนี้ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านของผู้สูงอายุในแต่ละช่วงวัย จากการอยู่อาศัยแบบอิสระไปสู่การต้องการการดูแลที่เข้มข้นขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น

  1. บ้านพักคนชราเฉพาะทาง (Specialized Elderly Home)

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น การดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

โครงการ “เมมโมรี่ เคียร์” ในกรุงเทพฯ เป็นศูนย์ดูแลเฉพาะสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม โดยมีการออกแบบพื้นที่และกิจกรรมที่ช่วยชะลอการเสื่อมของสมรรถภาพทางสมอง และมีบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทาง

  1. บ้านพักคนชราระดับหรู (Luxury Senior Living)

บ้านพักคนชราระดับหรูมีลักษณะเฉพาะที่เน้นความสะดวกสบาย คุณภาพชีวิต และการบริการระดับพรีเมียม เทียบเคียงได้กับโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ให้บริการทุกอย่างตามต้องการพร้อมผู้ช่วยส่วนตัว

สำหรับประเภทของบ้านพักคนชราโดยทั่วไป มีทั้งบ้านพักคนชราของรัฐ ซึ่งราคาค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเอกชน มีการสนับสนุนจากรัฐบาล การบริการเป็นไปตามมาตรฐาน ด้านบ้านพักคนชราของเอกชนมีราคาสูงกว่า มีหลายระดับราคา การบริการหลากหลายรูปแบบ มักมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า นอกจากนี้ยังมีศูนย์ดูแลระยะยาว ซึ่งราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากมีการดูแลทางการแพทย์ ที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

ในการเลือกบ้านพักสำหรับผู้สูงวัยนั้น ต้องคำนึงถึงงบประมาณและความต้องการของผู้พักอาศัย โดยเบื้องต้น ควรหาข้อมูลบ้านพักคนชราที่อยู่ในงบประมาณและให้บริการตามที่ต้องการ และเยี่ยมชมสถานที่ 3-4 แห่งเพื่อเปรียบเทียบสอบถามที่ต้องการทราบเพิ่มเติม และสังเกตปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรและผู้พักอาศัย สอบถามเกี่ยวกับอัตราการลาออกของบุคลากร พร้อมพูดคุยกับผู้พักอาศัยปัจจุบันหรือครอบครัว รวมทั้งตรวจสอบใบอนุญาต ที่สำคัญต้องอ่านสัญญาอย่างละเอียด ทำความเข้าใจเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆ ก่อนตัดสินใจ

สำหรับราคาบ้านพักคนชราทั่วไป มีราคาโดยประมาณดังนี้

  1. บ้านพักคนชราของรัฐ (ราคา 5,000-20,000 บาท/เดือน)
  2. บ้านพักคนชราเอกชนระดับปานกลาง (25,000-45,000 บาท/เดือน)
  3. บ้านพักคนชราเอกชนระดับหรู (50,000-120,000 บาท/เดือน)
  4. ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุทางการแพทย์ (45,000-100,000 บาท/เดือน)
  5. บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน (1,500-3,000 บาท/วัน)
  6. บ้านพักคนชราแบบอยู่อาศัยอิสระ (20,000-50,000 บาท/เดือน)

การเลือกบ้านพักคนชราที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงทั้งงบประมาณและคุณภาพการบริการ ควรพิจารณาถึงความต้องการเฉพาะของผู้สูงอายุและคุณภาพชีวิตที่จะได้รับ การสำรวจตัวเลือกหลายๆ แห่งและการเยี่ยมชมสถานที่จริงจะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ควรปรึกษากับผู้สูงอายุเพื่อให้พวกเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขาโดยตรง