บ่นกับเพื่อนสาวมาหลายเดือนแล้วว่า ร่างกายช่างอ่อนล้า เหมือนขาดสารแห่งแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง เหมือนว่าอยากสูดไอทะเล นั่งๆ นอนๆ เดินเล่น ว่ายน้ำ และ กินๆๆๆ เพื่อปลุกพลังแห่งความกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเมื่อร่างกายได้หลั่งสารแห่งความสุขออกมา ความคึกคักก็จะกลับมาสู่เราอีกครั้ง
“อยากไปชาร์จแบตว่างั้น….” เพื่อนสาวผู้เรียนย่อความมาอย่างดีกล่าว
ด้วยความเร่งรีบ วุ่นวาย มองไปทางไหนก็มีแต่คนกับตึก รถราการจราจร ช่างทำให้สาวโสดในเมืองหลวงอย่างเรา ต้องเหงาเป็นเท่าตัว ว่าแล้วเมื่อมีคนชวนไปเที่ยว ก็ออกแนวกระดี๊กระด๊า เหมือนว่าขันหมากจะมาเกย
ว่าแล้วก็เตรียมตัวพร้อม มุ่งหน้าสู่หัวหิน ดินแดนแห่งทะเล ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็พาตัวเองมาแหมะอยู่ตรง “Coral Tree Villa” ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของหัวหินและชะอำ
พื้นที่ของรีสอร์ทขนาดกำลังงามราว 20 ไร่ จะมีรถกอล์ฟรับไปยังลอบบี้ รับคีการ์ดแล้วก็ตรงไปห้องพัก วันนี้เข้าพักที่ ห้องแบบ Premier Seaview Villa ซึ่งจะมองเห็นสระว่ายน้ำและทะเลตรงหน้า โล่งตาโล่งใจ จนอยากบอกใครๆ ว่าฉันมาถึงทะเลแล้ว ช่างอิสระเสรีอะไรเช่นนี้ เหมือนนกน้อยที่บินออกสู่โลกกว้างอย่างไรอย่างนั้น
ที่ Coral Tree Villa มีห้องพักแบบวิลล่าในบรรยากาศส่วนตัวและสวนสวย จำนวน 56 ห้อง ประกอบด้วย รูปแบบ Garden Villa ที่อิงสวนและสนามหญ้า Premier Seaview Villa มองเห็นวิวสระน้ำและทะเล Pool Villa และ 2 Bedroom Pool Villa เป็นห้องพักที่มีสระว่ายน้ำในตัว รวมทั้ง Seafront Grand Villa ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะมีขนาดใหญ่พอที่จะวิ่งเล่นแบบหนังอินเดียได้ สระว่ายน้ำก็จะใหญ่กว่าพูลวิลล่า แถมยังมองเห็นทะเลแบบติดขอบเวที เหมาะกับคู่สวีทที่ต้องการให้โลกของเธอมีแต่ฉันโลกของฉันมีแต่เธอ
การตกแต่งของที่พักจะเป็นสไตล์ Western – Industrial ซึ่งผสมผสานระหว่างเหล็กและไม้ได้อย่างลงตัว ไม่รู้สึกว่าจะเหล็กจนหนักอึ้งหรือไม้จนถึงขนาดบ้านพ่อเลี้ยงเมืองเหนือ แต่มีความคลาสสิคที่มองไปก็ไม่น่าเบื่อ แถมให้บรรยากาศที่สบาย ดังที่ใจต้องการ ห้องพักยังใหม่มาก เพราะเปิดมาเพียง 6 เดือน และได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทั้งเรื่องของความเป็นส่วนตัว ความเอาใจของพนักงาน รวมทั้งอาหารอร่อย….ว่าแล้วก็ต้องโดน
Coral Vine Bar & Restaurant เป็นห้องอาหารหลัก สไตล์ Home Cooking ของทางรีสอร์ท อยู่ติดกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่เราอยากกระโดดขี่เจ้าเป็ดน้อยล่องลอยเป็นเด็กน้อย แต่ก็ปรี่เข้าไปเติมพลังกันก่อน วันนี้ทางเชฟมีเมนูมานำเสนอมากมาย ในสไตล์ไทยฟิวชั่น ส่วนอาหารฝรั่งก็จะฝรั่งจ๋า ซึ่งเป็นความตั้งใจจากทางเจ้าของ
ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ จานบิ๊กเครื่องล้น กุ้งตัวโต เส้นผัดไทยนุ่มชุ่มรสชาติกำลังดี ไม่ปรุงก็กินได้ นอกจากนั้นยังมี แกงเผ็ดเป็ดย่าง ที่หอมนำมาก่อนเลย ผัดเนื้อน้ำมันหอย เนื้อนุ่มชุ่มลิ้น ส้มตำทานตะวันอ่อนกุ้งสด เมนูสุขภาพที่เหมือนจะเรียกน้ำย่อย แต่ก็จิ้มกันอย่างจริงจัง Lamb Shak เนื้อขาแกะนิวซีแลนด์ตุ๋นเนื้อนุ่ม สปาเก็ตตี้ครีมซอสไข่ปู ที่หน้าตาดีและอร่อยเสมือนลูกค้าของทางร้าน
ที่ชอบที่สุดและยังนึกถึงรสสัมผัสของมันได้ก็คือ Coral Vine Burger ขนาดกำลังดี เนื้อนุ่มหอมมาก ไม่รู้เขาทำยังไงให้อร่อยได้เบอร์นี้ ทราบมาว่าทางร้านจะโดดเด่นเรื่องอาหารฝรั่ง การทำเบอร์เกอร์ซึ่งเป็นอาหารพื้นฐานที่ทั้งกินเล่นกินจริงได้ ก็ต้องเด็ด และมันก็เด็ดจริงๆ นะ
เป็นช่วงเวลาสุดฟินของสายชิมอย่างเรา ที่นี่ยังมีความโดดเด่นอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะความเป็นส่วนตัว แถมยังเป็นรีสอร์ทริมทะเลที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว ด้วยความรักต้นไม้ของ “คุณเอนก ฮุนตระกูล” ผู้เป็นเจ้าของ
ใครสนใจก็ชวนกันมา ทะเลหัวหินยามนี้ยังสวยสด เช้าจนเย็นน้ำลดลงไปเดินเล่นได้สบายๆ ตกค่ำมาน้ำขึ้น คลื่นซัดแนวกำแพงชายฝั่ง เราก็นั่งฟังนั่งเพลินกันไปในบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ มื้อค่ำเขามีบาร์บีคิวมานำเสนอ ต้องยกให้ความสดของอาหารทะเล และที่เด็ดจนสามารถมาขึ้นชกกับร้านอาหารซีฟู้ดดังๆ ได้เลยคือ น้ำจิ้มซีฟู้ด จี๊ดใจน้ำลายสอ ถูกจริตสายปรี๊ดอย่างเรามากๆ
ที่นี่ยังรับกลุ่มประชุมสัมมนาเล็กหรืองานเลี้ยงแต่งงานที่มีคนราว 30-60 คนได้กำลังเหมาะ ทั้งส่วนของห้องประชุมสัมมนา หรือ ลานกลางแจ้ง จะรับมากกว่านี้ก็ได้ แต่ทางรีสอร์ทเขากลัวจะดูแลไม่ทั่วถึง เป็นแนวคิดที่น่าชื่นชม เพราะที่นี่เขาให้ความสำคัญกับการบริการอย่างมาก ด้วยถือว่าคนที่มาพักผ่อน จ่ายเงินแล้ว ก็ต้องได้รับสิ่งดีๆ กลับไป ทั้งอาหารตา อาหารท้อง อาหารใจ
ลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่คือคนไทย ที่ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ ส่วนต่างชาติก็มี รวมทั้งกลุ่ม Long Stay ที่มาพักยาวราว 1-2 สัปดาห์
นับเป็นเวลาฟิน เป็นเวลาที่อินกับบรรยากาศอันแสนสงบ และดูไม่เคอะเขินเหมือนการเดินอยู่ในโรงแรมหรู แต่ก็สะดวกสบายพรั่งพร้อมทุกอย่าง ไม่มีอะไรให้ต้องติติง นอกจากเจ้าแสดแดดที่แผดกล้า ทำให้น้องฝ้ายักคิ้วใส่ ดังนั้นแม้ว่าจะเข้าหน้าฝนแล้ว แสงแดดชายทะเลก็ไม่เคยปราณีใคร จัดเต็มเครืองประทินโฉมกันไปได้เลย
สนใจก็ไปดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/coraltreevilla/ และช่วงนี้ทางรีสอร์ทมีโปรโมชั่นหน้าฝน No Rain No Gain! ห้องพักราคาพิเศษ เริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 บาทต่อคืนสำหรับห้อง Garden Villa ในช่วงวันธรรมดา ไล่ขึ้นไปตามเงื่อนไขของวันธรรมดาและวันเสาร์ ไปจนถึง ห้อง Seafront Grand Villa ที่มีราคา 12,000 บาทต่อคืนในวันธรรมดา และ 13,900 ต่อคืนในวันเสาร์ ส่วนราคาอื่นๆ ก็โทรสอบถามได้ที่ 032-527-790 ทุกราคารวมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน แถมยังฟรีเครดิตอาหารตั้งแต่ 500 บาทต่อคืนต่อห้อง ไว้ใช้สำหรับเป็นค่าอาหารในโรงแรม มีของกินเล่นและเครื่องดื่มฟรีในมินิบาร์ (ยกเว้นเบียร์) และหากวันที่เข้าเช็คอินแล้วฝนตก รับเครดิตอาหารไปอีก 200 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2561
ชาร์จแบตเต็มๆ อิ่มกาย อิ่มใจ พร้อมสู้วันใหม่ เพื่อนสาวร่วมทริปก็ยิ้มได้ ชื่นใจกันเป็นหมู่คณะเลยเชียว