EPG เผยรายได้ปี 59 /60 กวาดรายได้จากการขาย 9,280 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6 % กำไรสุทธิ 1,383 ล้านบาท จากกลุ่มธุรกิจประกอบด้วย AEROFLEX AEROKLAS และ EPP เตรียมเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 27 ก.ค.นี้ จ่ายปันผล 0.15 บาท /หุ้น
รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยถึง ผลประกอบการปี 2559/2560 ( เม.ย.59 – มี.ค. 60 ) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 9,280 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จาการขายอยู่ที่ 8,765 ล้านบาท จำนวน 515 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.9 % ซึ่งถือเป็นยอดรายได้สูงสุดในการดำเนินงานของบริษัท และมีกำไรสุทธิ 1,383 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,414 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 2.2 % อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงที่ 32% ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตจากกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeoroklas มียอดขายรวม จำนวน 4,176 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย หลังคารถกระบะ (Canopy) บันไดข้างรถ (Side Step) โดยบริษัทได้ทยอยเพิ่มกำลังการผลิตของทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้เพื่อรองรับการเติบโต และรายได้จาก TJM ในประเทศออสเตรเลีย ขณะที่ AEROKLAS มีการขยายตลาดในยุโรป เอเชีย และโอเชียเนียอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มียอดขายรวม จำนวน 2,642 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.7 % จากการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทมีการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มประเทศแถบเอเชียมากขึ้นอาทิ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มียอดขายรวม จำนวน 2,462 ล้านบาท ลดลง 4 % เนื่องจากยอดขายภายในประเทศลดลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 ถึงต้นปี 2560 จากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง จากข้อมูลสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแสดงให้เห็นว่าตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติกลดลง 17% ตั้งแต่เดือนม.ค. – มี.ค. 2560เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม EPP มีความพร้อมอย่างมากด้านศักยภาพในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก ส่งผลให้ปัจจุบัน EPP มีกำลังการผลิตสูงถึง 32,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับการความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59/60 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 420 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 59/60 ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 และหากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล จะมีกำหนดปิดสมุดทะเบียน เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 สิงหาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2560
“ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2559 บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท แล้ว หากรวมกับการปันผลในครั้งนี้อีก 0.15 บาท ซึ่งจะมีการขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59/60 จะทำให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลรวม 0.25 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 51 % ของผลกำไรสุทธิ” รศ.ดร.เฉลียว กล่าว