แต่ละปีมีปริมาณขยะพลาสติกพบเป็นขยะอยู่ในทะเลมากถึง 13 ล้านตัน ซึ่งประเทศไทยทิ้งขยะลงทะเลสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ทำให้สัตว์น้ำตายมากถึงปีละ 1 ล้านตัว ดังนั้นขยะประเภทพลาสติกจึงเป็นปัญหาใหญ่ระดับสากล เพราะเป็นขยะที่มีปริมาณต้นๆ ของโลก จึงเป็นประเด็นที่ทุกคนกำลังจับตามอง อีกทั้งยังเป็นแนวคิดของงานสัปดาห์สิ่งแวดล้อมโลก 2018 “Beat Plastic Pollution” ที่มุ่งเน้นรณรงค์ลดการใช้พลาสติก จากความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งตัวผู้บริโภคเอง
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มเซ็นทรัล ได้ผนึกกำลังร่วมกับ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สหภาพยุโรป ประกาศเจตนารมณ์เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน ด้วยแนวคิด Beat Plastic Pollution “รักษ์โลก ลดพลาสติก” ในงานสัปดาห์สิ่งแวดล้อมโลก 2018 World Environment Day 2018 ด้วยเป้าหมายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ภายใต้โครงการ CHANGE!: Change your behavior, Change your mind พร้อมเครือข่ายความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมงาน
ฯพณฯ เพิร์คกา ทาปิโอลา เอกอัครราชทูต ผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวในงานนี้ว่า “สหภาพยุโรปได้ดำเนินการตามขั้นตอนสำคัญ ในการลดการปล่อยกากพลาสติกจนกลายเป็นเศษขยะทางทะเล และได้ลดการใช้ถุงพลาสติกในประเทศสมาชิกหลายแห่งด้วยข้อกำหนดด้านถุงพลาสติก นอกจากนี้ เราต้องการรวมพลาสติกรีไซเคิลจำนวน 10 ล้านตัน มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายในปี พ.ศ. 2565 เราได้ร่วมมือกับหน่วยงานในระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น ที่สามารถมีบทบาทในการจัดการของเสียเพื่อให้การรีไซเคิลมีประสิทธิภาพสูงขึ้น”
ด้าน ดร.อิสซาเบล ลูอิส รองผู้อำนวยการและผู้แทนโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ แห่งเอเชียและแปซิฟิก กล่าวในโอกาสเดียวกันว่า “พลาสติกมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันมาก เราจึงมีการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมากตามไปด้วย เรามีความต้องการให้ทุกคนตระหนักว่า เราต่างมีส่วนร่วมในการสร้างปัญหามลภาวะพลาสติก และเราก็สามารถแก้ไขปัญหามลภาวะพลาสติกได้ ดั่งคำวลีที่กล่าวว่า ถ้าคุณไม่สามารถนำมันกลับมาใช้ใหม่ คุณควรปฎิเสธการใช้มัน (If you can’t reuse it, refuse it)”
ขณะที่ ศ.กิตติคุณ ดร.สุทธิพันธ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ได้ใช้โอกาสนี้เปิดเผยถึงรายละเอียดของโครงการ CHANGE! ว่า “กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญกับการมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด 70 กว่าปี ได้จดทะเบียนมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2545 มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ ยกเลิกการใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำ เมื่อต้นปีนี้ และลงนามบันทึกความร่วมมือสนับสนุนการขับเคลื่อน โครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อการจัดการปัญหาขยะ และพลาสติกอย่างยั่งยืน ในงานสัปดาห์วันสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ด้วย
ส่วนนโยบายการลดปริมาณพลาสติกในปีนี้ ด้วยแนวคิดของงานสัปดาห์สิ่งแวดล้อมโลก 2018 คือ Beat Plastic Pollution เน้นรณรงค์ลดการใช้พลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (single use plastic) เช่น หลอดพลาสติก, ถุงพลาสติก และขวดน้ำ ซึ่งพบว่าทั่วโลกมีการใช้ถุงพลาสติก 500,000 ล้านใบต่อปี โดยคนไทยใช้ถุงพลาติก 8 ใบต่อวัน ขณะที่ชาวยุโรปใช้เพียง 5 ใบต่อเดือน แต่ละปีมีปริมาณขยะพลาสติกพบเป็นขยะอยู่ในทะเลมากถึง 13 ล้านตัน ซึ่งประเทศไทยทิ้งขยะลงทะเลสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ทำให้สัตว์น้ำตายมากถึงปีละ 1 ล้านตัว
กลุ่มเซ็นทรัล จึงมีเป้าหมายในการสร้างความตระหนักรู้ให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ภายใต้แนวคิด CHANGE ! : Change your behavior, Change your mind ด้วยการเริ่มต้นจากบุคลากรภายในองค์กร ขยายสู่สังคมส่วนรวม ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัล เป็นองค์กรค้าปลีกแห่งแรกของไทย ที่ริเริ่มแคมเปญลดการใช้ถุงพลาสติก-ถุงกระดาษ “NO BAG NO BAHT” อย่างจริงจัง ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน มีอัตราการใช้ถุงพลาสติก ลดลงถึง 13 ล้านใบ คิดเป็น 31 % อีกทั้งยังใช้ถุงพลาสติกชีวภาพ หรือ Bio Degradable Bag ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติภายใน 1 ปีแทนถุงพลาสติกแบบเดิม มาตั้งแต่ปี 2557 และมีนโยบายจะประกาศรณรงค์ยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกภายในห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัลต่อไป
นอกจากนั้น กลุ่มเซ็นทรัล ยังริเริ่มโครงการนำขวดพลาสติกที่ใช้แล้วมาเพิ่มมูลค่า ผ่านเครื่องรับซื้อขวดอัตโนมัติ Goes Green รับแต้มนำไปใช้เป็นส่วนลดจากร้านค้าในเครือเซ็นทรัล ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มติดตั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนขวดพลาสติกที่นำมาแลกคูปองถึง 21,843 ขวด ซึ่งในงานสัปดาห์สิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ ได้นำเครื่องนี้มาจัดแสดงและให้ใช้งานได้ที่บูธ “เซ็นทรัลทำ”
ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงแรมในเครือเซ็นทารานั้น มีการเปลี่ยน Laundry Bag, Shopping bag และ Beach bag จากถุงพลาสติกเป็นถุงผ้าและถุงสปันบอล เปลี่ยนขวดน้ำพลาสติกเป็นขวดแก้วในห้องพักแขก ไม่ใช้ถุงขยะดำในห้องพักแขก ลดการใช้หลอดพลาสติกจะเปลี่ยนเป็นหลอดกระดาษแทน ติดตั้งที่กดแชมพูและสบู่ในรีสอร์ทแทนขวดพลาสติก
ภายในงาน ยังมีการเสวนาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อม หัวข้อ “เลิกพลาสติกแล้วใช้อะไรแทน” โดย คุณอเล็กซ์ เรนเดลล์ ดารารักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้ร่วมก่อตั้ง EEC Thailand, คุณสินชัย เทียนศิริ ผอ.สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรม คุณเอกดนัย วงษ์วัฒนะ ผู้ประสานงานโครงการมหาวิทยาลัยยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คุณวีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ www.gracz.co.th
สำหรับกิจกรรมในงานสัปดาห์สิ่งแวดล้อมโลก World Environment Day 2018 ระหว่างวันที่ 5 – 7 มิถุนายน ที่ลานอีเดน 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นั้น ประกอบด้วยนิทรรศการและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด Beat Plastic Pollution เน้นรณรงค์ลดการใช้พลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง (single use plastic) เช่น หลอดพลาสติก, ถุงพลาสติก และขวดน้ำ เพื่อให้เห็นถึงผลกระทบของขยะในทะเล มีการติดตั้งอุโมงค์ทางเข้าเพื่อสื่อถึงโลกใต้ทะเลที่มีขยะพลาสติกอยู่แทนหมู่ปลา และ VR วีดีโอจำลองความรู้สึกให้เหมือนอยู่ในเรือดำน้ำและสำรวจสภาพใต้มหาสมุทรที่เต็มไปด้วยขยะพลาสติก
อีกทั้งยังมีบูธนิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ การกำจัดขยะของ กทม., การสนับสนุนดื่มน้ำประปา ของการประปานครหลวง, การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากวัสดุพลาสติกเหลือใช้และกล่องนมยูเอชที, โครงการความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกและจัดการทรัพยากรพลาสติกเหลือใช้ และมีการทำเวิร์คช้อป Workshop การทำสิ่งประดิษฐ์กระเป๋าถือ,ผ้าพันคอ จากเชือกอวนใช้แล้ว
ทั้งนี้ยังมีงานผลงานศิลปะขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชื่อผลงานว่า “กรุงเทพ ณ เวลานี้” (A BANGKOK MINUTE) ผลงานสร้างสรรค์โดยนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ (INDA) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรรสร้างจากจากถุงพลาสติกใช้แล้ว กว่า 50,000 ชิ้น ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย สะท้อนถึงปริมาณการใช้ถุงพลาสติกภายในเวลาเพียง 1 นาทีของคนในกรุงเทพ ซึ่งทั่วโลกก็ได้จัดทำประติมากรรม ภายใต้แนวคิด Beat Plastic Pollution “รักษ์โลก เลิกพลาสติก” เพื่อรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเช่นกัน
นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการเริ่มต้นว่า ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดและเลิกการใช้พลาสติก ด้วยการใช้วัสดุทดแทนได้อีกหลายอย่าง เช่น การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ใช้หลอดซิลิโคนที่ใช้แล้วสามารถล้างทำความสะอาดแล้วนำกลับใช้อีกได้แทนหลอดพลาสติก การชงชาจากใบชาโดยตรง การใช้แก้วกาแฟแทนแก้วพลาสติก การมีกล่องอาหารส่วนตัวแทนการใช้กล่องโฟม ฯลฯ
ข้อมูลจากองค์การอนุรักษท้องทะเล (Ocean Conservancy) ได้จัดอันดับขยะที่พบปริมาณมากที่สุดในรอบ 25 ปี ซึ่งทั้งหมดรวมกันเป็น 80% จากขยะทั่วโลก พบว่า ที่มีมากที่สุดคือ ก้นบุหรี่ 32% ห่อและซองพลาสติก 9% ฝาขวดพลาสติก 8% ขวดพลาสติก 6% ภาชนะบรรจุอาหาร 6% ถุงพลาสติก 5% ขวดแก้ว 4% กระป๋อง 4% หลอดดูดน้ำ 4% และ เชือก 2% จะเห็นได้ว่า พลาสติกคือกลุ่มขยะหลักๆ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโลก
เราอาจจะมองไม่เห็นถึงปัญหาของขยะพลาสติกได้อย่างชัดเจน หลายคนอาจจะรู้เพียงว่า มันคือขยะที่ต้องใช้เวลาและงบประมาณในการกำจัด แต่รู้ไหมว่า ขยะพลาสติกที่ออกสู่ท้องทะเล เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ เพราะเมื่อพลาสติกเหล่านี้ถูกกระแสคลื่นกระแสน้ำนานวันเข้า ก็จะกลายเป็น พลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อย หรือ “ไมโครพลาสติก” (Microplastic) ที่สิ่งมีชีวิตในน้ำกลืนลงไปและทำให้เสียชีวิตได้ ท้ายสุด พวกกุ้งหอย ปู ปลา ที่เรานำมาบริโภค ก็จะมีส่วนไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายด้วย
หากมองกันจริงๆ แล้วเราใช้พลาสติกกันแบบสิ้นเปลืองโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว วันๆ หนึ่งเราเข้าออกร้านสะดวกซื้อ ซื้อกาแฟ กินข้าวกล่องร้านตามสั่ง โดยไม่ได้นึกถึงปัญหาหรือผลกระทบที่จะตามมา ดังนั้นก็อยากจะเชิญชวนกันตั้งแต่วันนี้ ร่วมกันเปลี่ยน CHANGE! ลด ละ เลิก การใช้พลาสติก เพื่อลดผลกระทบอีกมหาศาลที่จะตามมา และเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีในวันข้างหน้าของลูกหลานเราเอง