ประสบการณ์ในการท่องเที่ยว ไม่ได้จำกัดรูปแบบอยู่ที่ความหวือหวา แปลกใหม่ ท้าทาย หรือต้องแอดเวนเจอร์กันเสมอไป เพราะแค่การได้นั่งลงนิ่งๆ ปล่อยให้บรรยากาศรอบข้างผ่านไปอย่างช้าๆ ก็ทำให้เราได้ซึมซับวันเวลาที่แสนพิเศษได้เหมือนกัน
เรามาเยือนอุบลราชธานี ครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วไม่อาจนับครั้งได้ ด้วยภารกิจหลากหลายแง่มุม กลับมาครั้งนี้ อะไรก็ยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมด้วยความชื่นตาชุ่มใจในหน้าฝน จนทำให้ “โขงสีปูน มูลสีคราม” ที่มาบรรจบ แทบจะแยกกันไม่ออก
อุปสรรคของสภาพอากาศเป็นเรื่องที่เรามักพบเจอในการท่องเที่ยว แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้การเดินทางยุติลง แม้วันนั้น สภาพอากาศไม่เอื้อให้เราลงเรือออกไป ยังมีเวลาให้ชื่นชมกับชายฝั่งได้อีกนาน โดยไม่เก็บกระเป๋ากลับบ้านกันง่ายๆ
หน้าฝนที่โขงเจียมก็สวยดีนะ มองไปทางไหนก็สดชื่น บริเวณหลักที่นักท่องเที่ยวมารอชมความงามของสายน้ำ ทั้งยามเช้า สาย บ่ายเย็น ก็คือบริเวณวัดโขงเจียม ห่างไปอีกนิดคือบริเวณวัดถ้ำคูหาสวรรค์ บริเวณที่ตั้งของฆ้องขนาดยักษ์ เพราะในแถบนี้มีชุมชนของชาวบ้านที่นิยมทำฆ้องเพื่อจำหน่ายกันมาแต่ช้านาน
ฝนตกแล้วจะทำอะไร หาร้านชิลล์ๆ นั่งกันไหม โชคดีที่ทริปนี้เราได้เข้าพักกันที่ “กาลครั้งหนึ่ง” (ONCE UPON A TIME) ใน อ.โขงเจียม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำโขง เรียกว่าเดินไปแค่อึดใจแบบสบายๆ ก็ถึงแม่น้ำ
“Edu-Stay” เป็นคำนิยามของ “กาลครั้งหนึ่ง” เพราะที่นี่เป็นทั้งศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาการทอผ้าและย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งจะมีชาวบ้านในกลุ่ม มานั่งทอผ้าเป็นกิจวัตรประจำวัน ตั้งแต่เช้าจดเย็น ไม่ต้องผิดหวังว่า เข้ามาแล้วจะได้เห็นของจริงหรือไม่ แถมยังเปิดโอกาสให้ลองศึกษาเรียนรู้ลงมือทำ โดยมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไปแล้วแต่ตัวสินค้า
ซึ่งนอกจากการทอผ้าแล้ว ยังมีกิจกรรม DIY ที่เราสามารถลงมือลองทำได้ง่ายๆ ในเวลาอันจำกัด เช่น พวงกุญแจจากเศษผ้า ซึ่งที่นี่เขาทำออกมาได้เก๋ไก๋ เพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือใช้ได้เป็นอย่างดี
หลายคนทราบดีว่า การทอผ้าเป็นเรื่องยาก เพราะรายละเอียดซับซ้อน เหมือนนักดนตรีอาชีพที่รู้ไลน์ของเส้นสายหรือการเคลื่อนไหวตามทำนองมาอย่างช่ำชอง คนทอผ้าก็จะอ่านลายผ้าออก และรู้ว่า จะยก จะย่าง จะหยิบจับอะไร สลับทับซ้อนกับอะไร จึงจะออกมาเป็นลาย ซึ่งขอย้ำว่ายากยิ่ง
และนี่คือหนึ่งวิธีที่จะทำให้รู้ว่า ทำไมผ้าทอจึงต้องมีราคา ผ้าพันคอบางผืนที่เห็นกันว่าลายธรรมดาๆ ราคาสองสามร้อยบาท หลายคนยังบ่นว่าแพง งั้นก็ลองทำดูไหม กลายเป็นเรื่องที่ทำให้คนไทยด้วยกันเองได้รู้ซึ่งถึงคุณค่าและความงาม ของที่เรียกได้ว่ามีชิ้นเดียวในโลกอย่างการทอผ้าด้วยมือ
ด้วยความยากลำบากของการทอผ้า รวมทั้งลายผ้าที่ยังมีให้ศึกษาอีกหลายรูปแบบจึงทำให้ เจ้าของ “กาลครั้งหนึ่ง” คุณนภานรี โตแสง ประธานชมรมท่องเที่ยวและอนุรักษ์โขงเจียม ทายาทโรงแรมทอแสง ได้จัดสรรปันส่วนชั้นบนของบ้านด้านหลังเป็นที่พักขึ้น
กาลครั้งหนึ่ง เป็นบ้าน 2 หลัง ที่ทำสะพานเชื่อมต่อกันบริเวณชั้น 2 ส่วนของห้องพักอยู่ชั้นบนด้านหลัง ปัจจุบันมีให้บริการ 3 ห้อง คือ ห้องพัดลมชั้นล่าง 1 ห้อง มีห้องน้ำในตัว นอนได้ 2-4 คน (มี 1 เตียงใหญ่ และ 1 โซฟาเบด)
ชั้น 2 มี 2 ห้อง เป็นห้อง 4 เตียงปรับอากาศ และห้อง 2 เตียงปรับอากาศ นอนได้เท่าจำนวนเตียง เพราะพื้นที่จำกัด โดยผู้ที่พักชั้น 2 ต้องใช้ห้องน้ำรวมซึ่งอยู่ชั้น 1 ภายในตัวบ้าน ที่นี่มีไวไฟทั่วบริเวณ คิดราคาการเข้าพักต่อคน 350-450 บาท ตามลักษณะและจำนวน (โปรดสอบถามรายละเอียดการเข้าพักจากทางกาลครั้งหนึ่งอีกครั้ง เพราะบางท่านอยากเหมาห้อง หรือเหมาสถานที่เพื่อคณะเล็กๆ ของตัวเอง)
แต่ที่นี่ เน้นความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างกลมกลืนกับธรรมชาติ จะไม่มีทีวี ตู้เย็น แต่ห้องน้ำก็เป็นฝักบัว มีน้ำอุ่น ชักโครก ตามมาตรฐานปกติ ในห้องพักอาจจะไม่กว้างขวางโอ่โถง เพราะเน้นเข้ามาแล้วก็พักผ่อนแล้วนอนซะ จะนั่งเล่นก่อนนอน มีลานด้านบนของร้านกาแฟ ให้นั่งผ่อนคลาย คุยโม้กันได้ตามประสา ในระดับเสียงปกติ เพราะที่นี่เน้นเรื่องความสงบ กลมกลืนกับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน จะมาจับกลุ่มเฮฮาเกินไป ก็ไม่ควรอย่างยิ่ง
วันที่เราเข้าพักที่กาลครั้งหนึ่ง เราได้พบกับผู้จัดการร้าน “คุณแป๋ม” ซึ่งคอยดูแลอำนวยความสะดวกของที่นี่ เธอบอกว่า “กาลครั้งหนึ่ง” อยู่ในกลุ่มโรงแรมทอแสง เกิดจากเจตนารมณ์ของทายาทโรงแรมทอแสง ที่ต้องการรวบรวมภูมิปัญญาของคนโขงเจียมให้ยังคงสืบสานต่อไป ภายใต้การจัดการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยสนับสนุนให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมตลอดเส้นทางก่อนจะมาเป็นผ้าเพื่อผลิตและจำหน่าย มุ่งเน้นการต่อยอดภูมอปัญญาจากธรรมชาติ ด้วยการส่งเสริมสีย้อมผ้าธรรมชาติ เช่น สีเหลือง จาก “สมอ” สีเขียว จาก “หูกวาง” ฯลฯ
คุณแป๋ม เล่าให้ฟังว่า ทางเจ้าของ (คุณนภานรี โตแสง) ซึ่งกลับจากเรียนเมืองนอก มีความคิดว่า อยากให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามา ได้พบกับวิถีของคนโขงเจียม ที่ผูกพันกับฝ้ายมายาวนาน จึงสร้างศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาขึ้นมา จากการที่คนเข้ามามาก ก็ขยายเป็นร้านกาแฟ เพื่อให้คนที่เข้ามาแล้วได้พักผ่อน และมีเครื่องดื่มให้บริการ มีการจำหน่ายของที่ระลึกจากผลผลิตของชาวบ้านด้วย และเมื่อผู้ที่มาศึกษาดูงานทอผ้ามาแล้ว อยากพักค้างคืน เพื่อใช้เวลากับที่นี่ในวันต่อไป จึงเพิ่มเติมในส่วนของที่พักขนาดเล็กๆ ขึ้นมานั่นเอง
ทุกวันนี้ร้านกาลครั้งหนึ่ง ซึ่งมองจากภายนอก เหมือนร้านกาแฟน่ารักๆ อยู่หัวมุมถนน แต่ที่นี่คือ ศูนย์รวมภูมิปัญญาของคนโขงเจียม ที่เข้าชมได้ทุกวัน ชาวบ้านหมุนเวียนกันมานั่งทอผ้า ทำกิจกรรมต่างๆ ตามแต่ว่านักท่องเที่ยวจะสนใจเรื่องไหน ทั้งการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ การทอผ้า การสานไม้ไผ่ การทำงานฝีมือ DIY จากเศษผ้า
และที่นี่ก็เป็นจุดบริการด้านการท่องเที่ยวโขงเจียมด้วย เพราะนักท่องเที่ยวสามารถแวะสอบถามข้อมูลได้ มีจักรยานให้เช่าและโปรแกรมพาเที่ยวโดยจักรยาน
เราสังเกตได้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย มีการพัฒนาต่อยอดรูปแบบให้มีความทันสมัย น่าซื้อ น่าใช้ ดังนั้นนอกจากงานฝีมือจากชุมชนต่างๆ ใน อ.โขงเจียมแล้ว ยังมีคอลเลคชั่นของครูช่างหัตถศิลป์ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SASICT มาแสดงผลงานและจำหน่ายด้วย
เล่ายาวมาถึงตอนนี้ รู้หรือยังว่า จะหน้าไหน แล้ง ร้อน ฝนตกปานใด ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเราอีกแล้ว
เชิญเอนกายจิบกาอยู่บนลานชั้นสอง หรือ เลือกเครื่องดื่มเย็นๆ นั่งมองความเคลื่อนไหวของผู้คนในร้านกาแฟด้านล่าง
ใครจะใช้เวลาว่างสร้างผลงานก็เชิญที่ DIY หรือ ทอผ้า แล้วก็เลือกช้อปกันโดยไม่ต้องจำกัดเวลา
ใช้เวลากับ กาลครั้งหนึ่ง ให้เต็มที่ไปเลย
กาลครั้งหนึ่ง ONCE UPON A TIME
12 หมู่ 1 ถนนแก้วประดิษฐ์ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี โทร. 045-210324