เมื่อนึกถึงการใช้หุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรม คนทั่วไป หรือแม้แต่ผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อย ก็มักจะคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องใช้งบประมาณวางระบบที่ใช้งบลงทุนมหาศาล เนื่องจากที่ผ่านมา การใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทั้งแขนกล หรือ ระบบอัตโนมัติ มักจะมีให้เห็นในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งฟังดูแล้ว เอสเอ็มอีที่มีโรงงานเล็กๆ ผลประกอบการหลักสิบล้านคนไม่อาจเอื้อมถึง
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีพัฒนาการ ก่อนที่เราจะได้ใช้โทรศัพท์เครื่องละพันบาท ก่อนหน้าเจ้าเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของเราชิ้นนี้ ก็เคยอยู่ในราคาหลักแสนมาแล้ว เมื่อการเข้าถึงมากขึ้น การแข่งขันมากขึ้น มีทั้งผู้ใช้ ผู้ผลิต เพิ่มขึ้น ราคาของต้นทุนต่อหน่วยก็ย่อมลดลงเป็นธรรมดา และใช่ว่าการลงทุนกับหุ่นยนต์ จะต้องทำเป็นระบบใหญ่เสมอไป โรงงานเล็กๆ ก็สามารถมีเทคโนโลยีหุ่นยนต์เพียง 1 ตัวสำหรับการเพิ่มศักยภาพการผลิตได้
ดังนั้นในอนาคตจึงคาดการณ์ว่า เมื่ออุตสาหกรรมในประเทศไทย หรือโอกาสอีก 85% ของโรงงานผลิตที่ยังไม่ได้ใช้ หันมาใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์มากขึ้น ในวันนั้นเมืองไทย ก็น่าจะเป็นหนึ่งในแหล่งการลงทุนโรงงานผลิตเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทั้งจากการลงทุนจากแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ หรือการลงทุนเองในประเทศก็เป็นไปได้
นี่เป็นทิศทางที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับอุตสาหกรรรมการผลิตของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์อยู่ในวงจำกัด โดยการใช้หุ่นยนต์ในการผลิตของประเทศไทย มีมานานราว 15-20 ปีแล้ว แต่ยังจำกัดด้วยเรื่องของต้นทุนทำให้เข้าถึงได้ยาก
และวันนี้ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งข่าวดี และเป็นทางเลือกในการยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศไทย เมื่อเทคโนโลยีหุ่นยนต์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แถมยังผ่อนได้ภายใต้ข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าเก่าอีกด้วย
ภาพรวมการใช้หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมเมืองไทย มีอยู่ราว 2,000-3,000 ตัวต่อปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 140,000 แห่งในประเทศไทย และมีกลุ่มเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตราว 500,000 ราย และนั่นก็หมายถึงโอกาสอีกมหาศาล
ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีที่สามารถทำซ้ำได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้ ปัจจุบันโรงงานการผลิตต่างๆ จึงมีการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์กันมากขึ้น ทำให้มีอัตราการเติบโตราว 5-10% ต่อปี
นายธิติ วงศ์ธนาศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิ อาร์ค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จึงได้ผนึกกำลัง 5 สถาบันทางการเงิน ได้แก่ บริษัท บีโอที ลีส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด(มหาชน) บริษัท ไทยโอริกซ์ ลีสซิ่ง จำกัด และ บริษัท เอสเอ็มเอฟแอล ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด ออกสินเชื่อพิเศษดอกเบี้ยต่ำ ภายใต้ชื่อโครงการ “UNI ARC 5 YEARS ROBOTPAYLITE FOR SMART FACTORIES & SMEs” เพื่อช่วยเหลือ ผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี ทุกภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ ที่เน้นดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาการผ่อนชำระยาว เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาสายการผลิต ผ่านการทำงานด้วย ระบบ [Application] และหุ่นยนต์อัตโนมัติ [Robot]เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพในไลน์การผลิต ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน สู่การลดต้นทุนระยะยาว
ทั้งนี้ก็เพื่อการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้นโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย มาเป็นตัวช่วยหลักในการเดินหน้าไลน์การผลิต นอกจากปัญหาด้านการแข่งขันในความชำนาญของการผลิตแล้ว ยังมี ปัญหาด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพการผลิตได้เต็มที่
ข้อดีของการใช้หุ่นยนต์ในการผลิตก็คือ ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ปัญหาอุบัติเหตุในการทำงาน เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน โดยเหมาะกับการที่ทำซ้ำๆ หรืองานที่เน้นความปลอดภัยสูง
บริษัท ยูนิ อาร์ค จำกัด ได้นำเข้าเทคโนโลยีหุ่นยนต์ พร้อมแอปพลิเคชัน 79 รูปแบบการทำงาน แบ่งเป็น หุ่นยนต์สำหรับการเชื่อมและตัด 50 แอปพลิเคชัน การหยิบจับและจัดเรียง 28 แอปพลิเคชัน และ เทคโนโลยีหุ่นยนต์สำหรับการเคลื่อนย้าย 1 แอปพลิเคชัน โดยจะมาพร้อมชุดอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1 ล้านบาท
นอกจากจะเป็นประโยชน์ด้านการลงทุนแล้ว การใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ยังช่วยลดปัญหาด้านแรงงาน และเป็นการเสริมศักยภาพการผลิตในระยะยาว เช่น หุ่นยนต์แขนกล 1 ระบบ ทดแทนแรงงานได้ 5 คน หากต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานรวม 5 หมื่นบาทต่อเดือน ดังนั้นการผ่อนจ่ายจะต้องไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำแรงงาน 5 คนนี้ไปใช้ในส่วนอื่นที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตได้มากขึ้น ส่วนระยะการผ่อนจ่ายยาวถึง 5 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากอายุการใช้งานของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจะมีอายุใช้งานประมาณ 10-12 ปี หากผ่อนหมดภายใน 5 ปี เวลาที่เหลืออีก 5-7 ปี ก็จะใช้ฟรีไม่มีต้นทุนแรงงานในส่วนนี้ มีเพียงค่าบำรุงรักษาตามระยะเวลาเท่านั้น
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ลูกค้าที่นำหุ่นยนต์ไปใช้จะสามารถเพิ่มผลการผลิตสู่การคืนทุนได้ภายใน 5 ปีบางโรงงานที่ทดแทนแรงงานได้จำนวนมากก็สามารถคืนทุนได้ภายในหลักเดือนเท่านั้น จึงมองว่าหากผู้ประกอบการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติไปใช้ ในระยะยาวจะคุ้มค่ากว่าอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของบริษัทฯ ที่มีเป้าหมายช่วยให้ผู้ประกอบการและเอสเอ็มอี ก้าวข้ามอุปสรรค ยกระดับการผลิต ลดต้นทุนแรงงาน และเป็นเจ้าของหุ่นยนต์แขนกลได้ง่ายขึ้น”
โครงการ “UNI ARC 5 YEARS ROBOTPAYLITE FOR SMART FACTORIES & SMEs” มอบระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี ในอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 2-4% ซึ่งต่ำกว่าอัตราโดยทั่วไป คาดว่า จะมีผู้ประกอบการ ขนาดกลางและรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี เข้าร่วมในโครงการไม่น้อยกว่า 300 ราย และ คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท
ส่วนคำถามที่ว่า ในอนาคต หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานแทนคนทั้งหมดได้หรือไม่ ท้ายสุด คนก็คือผู้กำหนดระบบการทำงานของหุ่นยนต์ แม้ว่าจะดูชาญฉลาดแค่ไหนก็ตาม เช่น หุ่นยนต์ที่ใช้ต้อนรับแขกโครงการอสังหาริมทรัพย์ นำไปส่งขึ้นลิฟท์ หรือ รับหน้าที่เป็นแม่บ้านโรงแรม คอยรับคำสั่งและส่งมอบของใช้ในห้องพัก และยังคงมีการพัฒนาความสามารถของหุ่นยนต์ให้มากขึ้นทุกทีก็ตาม
แต่เรื่องของหุ่นยนต์ที่จะเข้ามาแทนแรงงานคน ก็อาจจะเป็นไปได้ จากปัจจุบันที่หุ่นยนต์และคนทำงานร่วมกัน เป็นสัดส่วนหุ่นยนต์ที่ทำงานหลักในโรงงาน ซึ่งนั่นเป็นอนาคตที่ต้องใช้เวลาราว 20-30 ปี จึงจะเกิดขึ้น เพราะหากถามกันจริงๆ ว่า 4.0 ในเมืองไทยจะมาเต็มรูปแบบเมื่อไหร่ คำตอบก็มีให้เห็นแล้วแค่ภาคการผลิต ยังมีการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในสัดส่วนที่ไม่มาก และยังจำกัดอยู่ในอุตสาหกรรมการขนาดใหญ่ วันนี้ไทยจึงต้องใช้เวลาขยับจาก 2.5 ไป 3.5 ให้ได้ก่อน
โครงการ “UNI ARC 5 YEARS ROBOTPAYLITE FOR SMART- FACTORIES & SMEs”
โครงการ “UNI ARC 5 YEARS ROBOTPAYLITE FOR SMART FACTORIES & SMEs” จะเริ่มให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี เข้ามาร่วมในโครงการได้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 กันยายน 2561 เป็นต้นไป โดยเยี่ยมชมโครงการและแจ้งความจำนงได้ที่ www.robotpaylite.com หรือ Facebook: uniarc.ROBOTPAYLETE Line: @robotpaylite หรือ ติดต่อผ่านสายด่วน 091-159-8966 หรือ เบอร์โทรศัพท์ 02-349-5115, 02-762-0289 (5 สายอัตโนมัติ) โดยทีมวิศวกรของยูนิ อาร์ค จะดำเนินการนัดหมายเข้าหน้างาน เพื่อรับทราบความต้องการและประเมินว่า มีความจำเป็นจะต้องใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้าไปใช้ในจุดใดบ้าง โดยจะยึดตามความจำเป็นและคุ้มค่าต่อการลงทุนมากที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการเงินกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมากเกินไป จากนั้นจะนำมาสรุปเพื่อทำใบเสนอราคา พร้อมกับส่งผลการอนุมัติสินเชื่อให้ลูกค้า ภายใน 7 วันทำการ เมื่อลูกค้าตกลงสั่งซื้อ สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการจะจัดแพคเกจสินเชื่อที่เหมาะสม หากผ่านการยื่นเสนอโครงการได้รับการพิจารณาจากสถาบันทางการเงินที่เข้าร่วมโครงการ ก็สามารถดำเนินการสร้างระบบเพื่อเตรียมการติดตั้งได้ทันที
คุณสมบัติของผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี เข้าร่วมโครงการ
- ต้องเป็นนิติบุคคลดำเนินกิจการมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี
- ผลประกอบการปีล่าสุดมีกำไร
- มียอดขายปีละ 10 ล้านบาทขึ้นไป
โดยมีเงินดาวน์ขั้นต่ำ 10% ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับ 2-4% อยู่ที่การพิจารณาของสถาบันการเงินซึ่งต่ำกว่าสถาบันการเงินทั่วไป
เกี่ยวกับบริษัท
บริษัท ยูนิ อาร์ค จำกัด ดำเนินกิจการในธุรกิจหุ่นยนต์มานานกว่า 15 ปีเป็นผู้ให้บริการ Solution สำหรับ Industry 4.0 Platform เป็นผู้นำและตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์อุตสาหกรรม อะไหล่และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์เครื่องเชื่อม เครื่องตัด จากแบรนด์ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก อาทิ OTC Daihen / NACHI / OMRON / TRUMPF / NSSWT / ATLANTIC เป็นต้น โดย ยูนิ อาร์ค มีประสบการณ์ขายและติดตั้งหุ่นยนต์อุตสาหกรรมไปแล้วมากกว่า 1,000 ตัว