ด้วยสภาวะแวดล้อมและมลภาวะต่างๆ ในปัจจุบันทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นมากจากอดีตอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งพบทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจนี้ นอกจากจะทำให้เกิดอาการกำเริบขึ้นได้จากสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจภายนอกบ้าน เช่น ฝุ่น มลภาวะการจราจรในท้องถนน โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว สารก่อภูมิแพ้ภายในบ้านรอบตัวเราเองที่ต้องสัมผัสในทุกวันก็เป็นสาเหตุสำคัญของอาการภูมิแพ้ ที่มักจะถูกมองข้ามไป
รศ.พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี กุมารแพทย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวถึง ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่าอากาศที่เราหายใจเข้าไปเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่มีความสำคัญกับร่างกายและสุขภาพของเราอย่างมาก เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้และโรคอื่นๆ ได้ โดยปกติแล้วโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยๆ ในประเทศไทย คือ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคหอบหืด และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โดยทั้งสามโรคจะเกิดอาการเมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นบางอย่าง และมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารกระตุ้นมากกว่าปกติหรือไวกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ที่อวัยวะต่างๆ อาทิ ไอ จาม คัดจมูก คันตา มีน้ำมูก หรือเกิดอาการหายใจ หอบเหนื่อย เพราะหลอดลมมีอาการหดเกร็งตัว
คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากมักให้ความสนใจกับสภาวะอากาศภายนอกบ้าน และกังวลกับสารก่อภูมิแพ้จากภายนอก จนอาจลืมนึกไปว่าจริงๆ แล้วสารก่อภูมิแพ้จากภายในบ้านก็มีส่วนสำคัญต่อระบบทางเดินหายใจของลูกน้อย ทั้งนี้สารก่อภูมิแพ้ภายในบ้านสามารถเกิดได้จากทั้งไรฝุ่นบนที่นอน แมลง สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขและแมว เชื้อราในบ้าน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลจัดการป้องกันสารก่อภูมิแพ้ในบ้านเหล่านี้ได้ เช่น ไรฝุ่น เป็นแมลงชนิดหนึ่งซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พบมากในบริเวณที่มีความชื้นสูงและที่อุปกรณ์เครื่องนอน เช่น หมอนหนุน ที่นอน ผ้าห่ม ตุ๊กตาขน
การกำจัดไรฝุ่น ควรซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนและผ้าห่มด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ใช้ผ้าคลุมกันไรฝุ่น จัดห้องนอนให้โล่ง ไม่ควรมีตุ๊กตาขน ไม่ใช้พรม หมั่นทำความสะอาด เช็ดถูบ้าน และดูดฝุ่นบ่อยๆ แมลงสาบ ที่พบทั่วไปตามบ้านเรือนสามารถกำจัดได้โดยขจัดแหล่งอาหารของแมลงสาบ โดยใส่ขยะและเศษอาหารในถุงหรือถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด ใช้ยากำจัด หรือกับดักแมลงสาบ ปิดรอยแตกที่พื้นห้องและเพดานที่เป็นทางเข้าออกของแมลงสาบ สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมว
การกำจัดสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยง วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ควรเลี้ยง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้โดยให้สัตว์เลี้ยงอยู่นอกบ้าน ไม่ควรนำเข้ามาในบ้าน อาบน้ำทุกสัปดาห์ ดูแลความสะอาดดูดฝุ่นบ้านเป็นประจำ หรือใช้เครื่องฟอกอากาศ เชื้อราในบ้าน มักปะปนอยู่ในอากาศตามห้องที่มีความอับชื้น หรือภายในบ้านที่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ
การกำจัดเชื้อราในบ้าน ทำได้โดย ตรวจเช็คเครื่องปรับอากาศ ไม่ใช้พรมหรือวอลเปเปอร์ ไม่นำต้นไม้ ดอกไม้ ทั้งสดและแห้งมาทิ้งไว้ในบ้าน ใช้น้ำยากำจัดเชื้อรา ละอองเกสรจากหญ้าและวัชพืช โดยปกติจะลอยอยู่ในอากาศนอกบ้านแล้วถูกลมพัดมาติดตามมุ้งลวดหน้าต่างและเข้ามาในบ้าน การกำจัดสารก่อภูมิแพ้จากละอองเกสรทำได้โดยปิดประตู หน้าต่างในช่วงที่ลมพัด หรือช่วงเวลาที่มีละอองเกสรมาก และใช้เครื่องฟอกอากาศ หากสมาชิกทุกคนในบ้านช่วยกันกำจัดสารก่อภูมิแพ้ได้ก็จะช่วยลดอาการภูมิแพ้ของลูกน้อย และเป็นการเสริมสร้างสุขภาพอนามัยที่ดีให้กับทุกคนในครอบครัว
รู้แล้วต้องอย่านิ่งดูดาย เพราะเชื้อเหล่านี้ เป็นเชื่อโรคสะสม ปล่อยไว้นานๆ คงไม่ดีแน่ๆ ไม่ใช่แค่เด็กๆ ที่มีภูมิต้านทานต่ำ แต่อาจหมายถึงอันตรายต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว