5 จุดเช็คอินถิ่นมรดกแห่งสยาม “อ่างทอง” ไม่อยากให้มองข้ามไป   

264

วิถีชีวิตของคนริมชายฝั่งเจ้าพระยา กับภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมายาวนาน พรั่งพร้อมด้วยความงดงามของศิลปวัฒธรรม นี่คือเรื่องราวของอ่างทอง ดินแดนของการท่องเที่ยวที่มีหลากหลายแง่มุมให้ค้นหา

“อ่างทอง” จังหวัดที่เคยการขานนามว่า “เมืองวิเศษชัยชาญ” มีที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อยบนพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นชื่อ “อ่างทอง” ซึ่งหมายถึงอู่ข้าวอู่น้ำที่เป็นดังขุมทรัพย์อันล้ำค่า และไม่ได้เป็นเพียงคำกล่าวอ่างเท่านั้น เพราะล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน อ่างทองก็ยังเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์  พรั่งพร้อมไปด้วยงานหัตถกรรมพื้นถิ่นไม่ว่าจะเป็นงานปั้นตุ๊กตาชาววัง การทำกลอง การทำอิฐดินเผา หรือการผลิต เครื่องจักสาน

และนี่คือเส้นทางท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่ไม่อยากให้ใครมองข้ามไป

 1.ต้นกำเนิดแห่งลิเก

อ่างทองได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดเพลงลิเก ศิลปะการร้องรำที่จัดเต็มด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับอลังการ  จังหวัดอ่างทอง ได้ให้กำเนิดคณะลิเกมากกว่า 100 คณะ อาทิ คณะของ ‘พงษ์ศักดิ์ สวนศรี’ ศิษย์ของ ‘หอมหวล’ หรือ ‘หอมหวล นาคศิริ’ ปรมาจารย์ลิเกชื่อดัง ซึ่งวันนี้ท่านยังคงสืบสานศิลปะการแสดงลิเกให้คงอยู่ พร้อมถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อไม่ให้ศิลปะอันงดงามนี้เลือนหายไป

2.ตลาด 100 ปี วิเศษชัยชาญ

หลักฐานสำคัญที่ทำให้เราได้เห็นความรุ่งเรืองของเมืองอันอุดมสมบูรณ์ของอ่างทองอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่ “ตลาดศาลเจ้าโรงทอง” หรือ “ตลาดวิเศษชัยชาญ” ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ที่เติบโตตามลำแม่น้ำน้อย มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานนับร้อยปี ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ปัจจุบันตลาดศาลเจ้าโรงทอง ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งตัวอาคารบ้านเรือนทรงเก่าโบราณสถานและโบราณวัตถุ แม้ว่าจะมีบางส่วนโดนไฟไหม้ไปเมื่อปี 48  การเข้ามาในตลาดแห่งนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อการจับจ่ายซื้อหาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเข้ามาเพื่อย้อนรำลึกความคึกคักของย่านตลาดโบราณ มีร้านค้าเก่าๆ ที่ยังคงเปิดให้บริการ นับเป็นช่วงเวลาที่แสนรื่นรมย์

3.พระประทานพร พระนอนที่ยาวที่สุด

อ่างทองเป็นอีกจังหวัดที่มีความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม ปรากฏให้เห็นเป็นวัดที่กระจายตัวอยู่ราว 200 แห่ง ซึ่งสามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมต่อกันได้โดยไม่ไกล อีกทั้งยังเป็นวัดที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ถึง 3 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ “วัดขุนอินทประมูล” ซึ่งมีพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาววัดจากปลายพระเมาลีถึงปลายพระบาทได้ 50 เมตร (25 วา) มีความงดงามมาก ซึ่ง “เขาเล่าว่า” หากได้สัมผัสที่ฝ่าพระบาทพระนอน ท่านจะประทานพรให้มีอายุยืนยาว

  1. แหล่งเรียนรู้ตุ๊กตาชาววัง

อ่างทองเป็นอีกจังหวัดที่มีของดีจากภูมิปัญญาอยู่หลายอย่าง แต่ที่ได้ชื่อว่าเป็นของดีวิถีเด็ดของคนอ่างทองคือการทำตุ๊กตาชาววัง จากพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2518 เพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ราษฎร “ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ” เป็นเรือนไทยทรงสูง อยู่บริเวณวัดท่าสุทธาวาส ในพื้นที่ ต.บ้านบางเสด็จ เดิมทีตำบลนี้ชื่อ ว่า “บ้านวัดตาล” ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อ “บ้านบางเสด็จ” เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในปี พ.ศ.2518 นำมาซึ่งความปลื้มปิติของพสกนิกรมาจนถึงปัจจุบัน

5.จักสานบ้านเจ้าฉ่า เลอค่าไม่เหมือนใคร

นอกจากนั้นยังมี “ชุมชนบางเจ้าฉ่า” หมู่บ้านเล็กๆ ริมแม่น้ำน้อยใน อ. โพธิ์ทอง  ที่เปี่ยมด้วยฝีมือในการจักสาน  เป็นชุมชนเพื่อนการเรียนรู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวได้แบบเพลินๆ ผลงานการจักสานของชาวบ้านในชุมชนมีความละเอียดอ่อน ทั้งการสานไม้ไผ่และหวาย รูปแบบก็หลากหลาย ไม่จำเจ  ราคาย่อมเยาเพราะเข้ามาถึงแหล่งผลิตโดยตรง เอกลักษณ์สำคัญของงานจักสานของที่นี่คือการรมควันจากฟางเข้าป้องกันปลวกไม้ไผ่เกิดสีสันอันทรงมนต์ขลัง ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ แถมยังเป็นที่ถูกใจของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย

นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเข้าพักในอ่างทองได้หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งโฮมสเตย์ที่บ้านเจ้าฉ่า ซึ่งบอกได้ว่า เป็นอีกช่วงเวลาดีๆ ในวิถีเรียบง่าย ได้ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อน ตื่นเช้ามายังได้ร่วมทำบุญตักบาตรภายในตัวหมู่บ้าน ถือเป็นอีกทริปที่อิ่มอารมณ์ แถมยังได้ชม ได้ช้อปของดีของอ่างทองกลับบ้านอีกเพียบ

นับเป็นอีกทริปที่สะดวกสบายใช้เวลาไม่มาก แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ที่ได้เห็นภูมิปัญญาแห่งมรดกไทยยังคงงดงาม