อัตราการฆ่าตัวตายของเด็กญี่ปุ่นถีบตัวสูงขึ้นระหว่างปี 2559-2560 โดยสาเหตุการฆ่าตัวตายมาจากปัญหาครอบครัว ความกังวลกับอนาคตและการถูกรังแก
รายงานข่าวกล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการของประเทศญี่ปุ่นได้เปิดเผยถึงสถิติการฆ่าตัวตายของเยาวชนจากปี 2559 ถึงเดือนมีนาคม ปี 2560 พบว่า มีจำนวนเด็ก 250 คนจากโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา ได้ฆ่าตัวตาย ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่ปี 2529
โดยสาเหตุการฆ่าตัวตายมาจากปัญหาครอบครัว ความกังวลถึงอนาคตและการถูกรังแก อย่างไรก็ตาม โรงเรียนต่างๆบอกว่า ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดจากการฆ่าตัวตายของเด็ก 140 คน เนื่องจาก พวกเขาไม่ได้ทิ้งข้อความหรือจดหมายใดๆไว้ ขณะที่เด็กนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนใหญ่การฆ่าตัวตายเกิดจากความเครียด เนื่องจากกังวลถึงอนาคตหลังจบการศึกษา
ตามข้อมูลของ www.worldpopulationreview.com พบว่า ประเทศที่มีสถิติการฆ่าตัวตายสูงสุดในปี 2561 คือ ประเทศศรีลังกา ตามด้วยประเทศลิทัวเนีย (Lithuania) และประเทศกายอานา (Guyana) สำหรับประเทศญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 18 และประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 28 โดยญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 19.7 คน และไทยอยู่ที่ 16 คน ต่อประชากร 1 แสนคน
สาเหตุการฆ่าตัวตายของชาวญี่ปุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี พบว่า พวกเขาได้รับความกดดันทางสังคม ความเศร้า และการไม่มีงานทำ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น พบว่า สาเหตุการฆ่าตัวตายจากการตกงานมีถึง 65.4%
อย่างไรก็ตาม อัตราการฆ่าตัวตายของชาวญี่ปุ่นลดลงเรื่อยๆในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาต่างๆได้รับการแก้ไขและเศรษฐกิจของประเทศก็มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น
ที่มา : สำนักข่าวบีบีซี, New York Times และ www.worldpopulationreview.com