APCO เตรียมจ่ายปันผล 0.1549 บาทต่อหุ้นคิดเป็น 100% 8 ปีซ้อน พร้อมเดินหน้าตามแผน ตั้งเป้ารายได้โต 5-10% รักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80% ขณะที่ผลประกอบการปี 61 รายได้รวม 376.45 ล้านบาท กำไรสุทธิ 94.75 ล้านบาท
ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เจ้าของธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติเพื่อสุขภาพและความงามด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.1549 บาท หรือคิดเป็น 100% ของกำไรสุทธิ ซึ่งถือเป็นปีที่ 8 ที่บริษัทจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 100% อย่างต่อเนื่อง โดยจะจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดทั้งสิ้น 92.94 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล(Record Date) วันที่ 26 เม.ย.62 และจ่ายปันผลในวันที่ 10 พ.ค. 62 (ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่19 เม.ย.62 )
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าทำการตลาดในประเทศผ่าน Social Media และรายการทีวี โดยบริษัทมีแผนขยายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ LIV สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น 50% นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งกับองค์กรของรัฐ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในระดับประเทศ และสามารถส่งผลไปยังการจำหน่ายไปยังต่างประเทศด้วย คาดว่าจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในประเทศเพิ่มขึ้นทั้งช่องทาง Direct Service และ Call Center 1154
ด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศผ่านพันธมิตรประเทศจีนอยู่ระหว่างติดตามผลทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 4 ชนิด และผลิตภัณฑ์ LIV สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ซึ่งจะสามารถเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้ จากทิศทางการดำเนินงานดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 5-10 % และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80%
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 103.25 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 112.25 ล้านบาท จำนวน 9 ล้านบาท หรือลดลง 8.02% และมีกำไรสุทธิ 25.81 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.52 ล้านบาท จำนวน 5.71 ล้านบาท หรือลดลง 18.12%
ส่วนผลประกอบการปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 376.45 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 424.09 ล้านบาท จำนวน 47.64 ล้านบาท หรือลดลง 11.23% และมีกำไรสุทธิ 94.75 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 108.21 ล้านบาท จำนวน 13.46 ล้านบาท หรือลดลง 12.44% ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคค่อนข้างทรงตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2561
