อนาคตจะไปทางไหน พนันออนไลน์ระบาด 7 ขวบก็เล่นแล้ว

8

งานวิจัยเผย เด็ก 7 ขวบเล่นพนันแล้ว ชี้ ยุคโซเชียล ทำยอดนักพนันออนไลน์วัยโจ๋พุ่ง เตือน ห่วงกระทบสมองโทษคล้ายยาเสพติด ฉุดรั้งทักษะชีวิตในระยะยาว แนะ รัฐ ชูแก้ปัญหานักพนันเยาวชนเป็นวาระแห่งชาติ มอบ สธ. แม่งาน คลอดนโยบาย พร้อมจัดเวทีสาธารณะ ชงข้อเสนอตัวแทนพรรคการเมือง

7 ขวบ  คืออายุของนักพนันเด็กที่สุดจากการสำรวจในปี 2560

ในจำนวนคนไทยที่ติดพนันกว่า 2.1 ล้านคน เป็นเด็กและเยาวชนถึง 207,000 คน โดยเฉพาะพนันออนไลน์ที่พบว่ากลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่เล่นพนันออนไลน์มากที่สุด และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สอดรับกับสถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทย ที่พบว่าใน 1 วัน คนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 10 ชั่วโมง 5 นาที เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหลายเท่าตัว โดยช่วงอายุที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุดคืออายุระหว่าง 15-24 ปี ถึงร้อยละ 76.8 รองลงมาคือกลุ่มอายุ 6-14 ปี ร้อยละ 58

เหตุนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การพนันออนไลน์ได้รับความนิยมสูงสุดในเด็กและเยาวชน เพราะเข้าถึงได้ง่าย

งานวิจัย เรื่อง “การลดผลกระทบของพนันออนไลน์ต่อเด็กและเยาวชนไทย” โดย พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ  ระบุการพนันในเด็กและเยาวชน ส่งผลต่อสุขภาพจิต สุขภาพกาย และผลกระทบต่อสมอง โดยพบว่าการพนันมีส่วนเปลี่ยนแปลงสมองได้เช่นเดียวกับยาเสพติด และขัดขวางการพัฒนาสมองและทักษะชีวิตของเด็กและเยาวชนอย่างถาวร โดยเฉพาะการพนันออนไลน์ที่มีความรุนแรงกว่าพนันชนิดอื่นถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีผลกระทบในทางพฤติกรรมด้วย เพราะการพนัน เป็นต้นตอ ที่ให้เยาวชนมีโอกาสเข้าสู่อบายมุขอื่น รวมถึงการก้าวสู่เส้นทางอาชญากรรมได้

ส่วนผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจนั้น พบว่ารายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจพนันออนไลน์เติบโตในลักษณะก้าวกระโดด จากปี ค.ศ.1997 มีรายได้ที่ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี  มาเป็น 528,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในปี ค.ศ.2015  ส่วนประเทศไทยเองในปี 2551 ผลสำรวจของเอแบคโพลล์ พบว่า ในช่วงฟุตบอลยูโร มีเด็กและเยาวชน อายุ 12-24 ปีในกทม.และปริมณฑลกว่า 370,000 คนเข้าสู่วงพนันบอล โดยมีเงินสะพัดถึง 924 ล้านบาท

ที่น่าห่วงคือในจำนวนกว่าร้อยละ 83.8 มองว่าการเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมไทย

ด้านผลกระทบของพนันออนไลน์ต่อสังคม พบว่า พนันออนไลน์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เยาวชนผละจากห้องเรียน และส่วนหนึ่งไม่มีเงินชำระหนี้พนันทำให้ต้องเดินเข้าสู่เส้นทางธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจากสถิติการจับเด็กและเยาวชน ข้อหาเกี่ยวกับการพนันพบว่าตั้งแต่ปีพ.ศ.2550-2559 พบว่ามีเด็กอายุ 8-15 ปี ถูกจับกุมร้อยละ 0.11 อายุ 16-18 ปีถูกจับกุมร้อยละ 1.07 และอายุ 19-25 ปี ถูกจับกุมถึงร้อยละ 9.76

งานวิจัยฉบับนี้ยังได้เสนอแนะ “ทางออก” ให้ทุกภาคส่วนในสังคมร่วมกันปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากพนันออนไลน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยรัฐควรแสดงจุดยืนให้เห็นถึงการตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการพนันในเด็กและเยาวชนดังนี้

การป้องกันทางนโยบายสาธารณะ   แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะต้น ต้องสำรวจสถานการณ์ปัญหาการพนันในเด็กและเยาวชนอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งรณรงค์ให้สังคมตระหนักรู้ผ่านสื่อและกิจกรรมต่างๆขณะเดียวกันต้องเพิ่ม “พื้นที่สีขาว” ให้เด็กและเยาวชนได้มีกิจกรรมที่ห่างไกลจากการพนันด้วย

ต่อมาในระยะกลาง รัฐควรแสดงจุดยืนให้ชัดเจนถึงความสำคัญของปัญหาพนันในเด็กและเยาวชน โดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ และกำหนดให้ปัญหาการพนันเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศที่ต้องได้รับการแก้ปัญหาอย่างจริงจังก่อน โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้พัฒนาแผนระดับชาติในการแก้ปัญหาการพนัน

ขณะที่ในระยะยาวประเทศไทยควรจัดตั้งกองทุนเพื่อการแก้ปัญหาการพนันในเด็กและเยาวชนเป็นการเฉพาะ โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการดำเนินการมาใช้ในการณรงค์สร้างการตระหนัก การเยียวยารักษา รวมทั้งสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ หรือ จัดการเรียนการสอนให้ความรู้ความเข้าใจ ปัญหาของการพนันให้เป็นหลักสูตรในโรงเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลาย

การป้องกันเชิงนโยบายสังคม ต้องสนับสนุนให้กระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในเด็กและเยาวชน โดยใช้แนวทางบริการสาธารณสุข เพราะปัญหาการพนันไม่ได้เป็นปัญหาในตัวบุคคล แต่เป็นปัญหาของชุมชนโดยรวมเช่นเดียวกับปัญหาสาธารณสุขอื่นๆ นอกจากนี้ยังต้องมีความเข้มงวด โดยการกำหนดเป็นกฎหมายในการกำหนดอายุขั้นต่ำเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนเล่นพนัน รวมถึงการจัดสรรทุนเพื่อสนับสนุนโครงการแก้ปัญหาการพนันหลายรูปแบบ

นอกจากนี้ในส่วนของการคุ้มครองเด็กและเยาวชน จะต้องกำหนดมาตรการคุ้มครองเด็กจากการพนันให้ชัดเจน โดยถือการกระทำผิดที่เด็กเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นความผิดขั้นรุนแรง และบัญญัติฐานความผิดเพิ่มเติม รวมถึงการเพิ่มโทษ เพื่อสนับสนุนการคุ้มครองเด็ก เช่น ความผิดเกี่ยวกับการอนุญาตให้เด็กเข้าเล่นการพนันทุกประเภท ความผิดจากการโฆษณาพนันทุกประเภท

ทั้งนี้มีข้อเสนอ 2 ทางเลือกในการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนไทย คือ ตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่ โดยจัดทำกฎหมายใหม่เพื่อกำหนดให้มีองค์กรกำกับดูแลด้านความปลอดภัยออนไลน์ โดยรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณให้กับกองทุนอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับรูปแบบของประเทศออสเตรเลียที่เป็นองค์กรอิสระ หรือ อีกแนวทางคือ ยึดการทำงานตามภารกิจ โดยให้หน่วยงานทีเกี่ยวข้องทำงานโดยยึดตามภารกิจของหน่วยงาน แต่จะต้องหาวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นระบบเพื่อดำเนินโครงการตามเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้

นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขปัญหาโดยใช้การขับเคลื่อนกลุ่มพลังเด็ก และ เยาวชนชุมชน การส่งเสริมให้เยาวชนรู้เท่าทันสื่อพนันออนไลน์ รวมถึงการควบคุมการใช้เครื่องมือสื่อสารและอินเตอร์เน็ตในกลุ่มเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี

อย่างไรก็ตามแม้ปัญหาการพนันในเด็กและเยาวชนจะเป็นปัญหาที่มีมานาน แต่ที่ผ่านมากลับไม่ถูกกล่าวถึงเท่าที่ควร

ในก่อนช่วงโค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งนี้ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย  จึงร่วมกันจัดเวทีสาธารณะ “นโยบายสาธารณะเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนไทยจากการพนัน” ในวันที่ 6 มีนาคม เวลา 08.30 น. โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค จะหยิบยกปมปัญหาดังกล่าวขึ้นมาพูดคุย ร่วมกับตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนที่ส่งต่อข้อเสนอให้พรรคการเมืองนำไปร่วมผลักดันเป็นนโยบายหากได้เป็นรัฐบาลต่อไป