PRM เข้าสู่ “Growth Mode” เผยผลงานปีนี้เติบโตก้าวกระโดด ชี้กลุ่มเรือขนส่งในประเทศและกลุ่มเรือ FSU หัวหอกหนุนศักยภาพธุรกิจ
‘บมจ.พริมา มารีน’ หรือ (“PRM”) ประกาศความมั่นใจ ผลงานปีนี้เข้าสู่ “Growth Mode” เต็มตัว พร้อมสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของทุกกลุ่มธุรกิจ ชี้ผลงานกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งในประเทศมาแรงต่อเนื่อง หลังขยายกองเรือขนส่งฯ ได้ตามแผน เตรียมปิดดีลเข้าซื้อหุ้น Big Sea เพิ่มอีก 10% ขณะที่กลุ่มเรือ FSU ได้รับอานิสงส์ IMO2020 ดันอัตราการใช้เรือเต็ม 100% พร้อมลงทุนขยายกองเรือเป็น 7 ลำ มั่นใจปีนี้รายได้เติบโต 10-15% ตามแผน
นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะเป็นปีแห่งการเติบโตก้าวกระโดด หรือ “Growth Mode” ของ PRM รองรับความต้องการของลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่และการใช้พลังงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานก็จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยปีนี้ PRM มีศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมากขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศและกลุ่มเรือ FSU ที่มีความโดดเด่น หลังจากในไตรมาส 2/62 มีเรือใหม่ขนาด 3,000 DTW จำนวน 2 ลำ เริ่มให้บริการสร้างรายได้เชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว และในไตรมาสที่ 3 ยังเตรียมรับรู้รายได้จากเรืออีก 2 ลำที่จะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าได้ ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีเรือขนส่งปิโตรเลียมในประเทศ ณ ไตรมาสที่ 3 ทั้งสิ้นจำนวน 32 ลำ ซึ่งจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตต่อจากนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นในบริษัท บิ๊กซี จำกัด (Big Sea) จากเดิมที่ถืออยู่ 70% เพิ่มเป็น 80 % และจะสามารถรับรู้รายได้ทันที ซึ่งจะเข้ามาช่วยผลักดันการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศให้แข็งแกร่งมากขึ้นในอีกทางหนึ่ง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRM กล่าวว่า ส่วนธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บฯ (FSU) จะเป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน หลังจาก PRM ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะของอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากปัจจัยกฎข้อบังคับขององค์กรการเดินเรือระหว่างประเทศ (IMO2020) ส่งผลให้มีความต้องการใช้เรือ FSU เพื่อกักเก็บและผสมน้ำมัน ให้ได้น้ำมันเตาที่มีค่ากำมะถันต่ำเพิ่มมากขึ้น โดย PRM ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว ด้วยการเพิ่มเรือ FSU ตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส 2/62 จากเดิมที่มีอยู่จำนวน 5 ลำ เป็น 7 ลำ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มเรือ FSU มีอัตราการใช้บริการโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเต็ม 100% สะท้อนถึงการเติบโตของกลุ่มธุรกิจเรือ FSU ในปีนี้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากเสริมความแข็งแกร่งด้านกองเรือแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญด้านคุณภาพการให้บริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นที่ดีให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ล่าสุด PRM ได้รับรางวัลเกียรติยศจาก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ทั้งหมด 5 สาขาได้แก่ Best Ship Owner Award 2018, Best HSSEQ Award 2018, Best Vessel / Barge Award 2018, Best Performance Award 2018 และ Best Ship Owner of The Year Award 2018 Shell Master Award 2019 ซึ่งช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจขนส่งน้ำมันทางทะเล ที่สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบการบริหารจัดการด้านต่างๆ ที่ได้มาตรฐานในระดับสากล
“ปีนี้ถือเป็นปี Growth Mode ของ PRM ที่จะเติบโตก้าวกระโดดอย่างแท้จริง จากศักยภาพการทำธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะสะท้อนไปถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 10-15% ตามแผนงาน” นายชาญวิทย์ กล่าว