กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนคีเลชั่นบำบัดไม่ช่วยเสริมความงามหรือรักษาโรคเบาหวาน ความดัน แนะพิจารณารอบคอบก่อนใช้บริการ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนประชาชนพิจารณาให้รอบด้านก่อนรับบริการ “คีเลชั่นบำบัด” ชี้ใช้ในการขจัดพิษจากโลหะหนักในร่างกายเท่านั้น ส่วนสรรพคุณในการเสริมความงามหรือรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังยังไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะยังขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้แน่ชัดโดยปราศจากข้อโต้เถียงทางการแพทย์ หากสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดอวดอ้างว่าสามารถทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งหรือรักษาอาการโรคเบาหวานความดัน ฯลฯ ถือว่าโฆษณาเกินจริงมีความผิดตามกฎหมายสถานพยาบาลเจอโทษทั้งจำและปรับ
ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจด้านสุขภาพและความงามที่เพิ่มขึ้นสถานพยาบาลจึงมักหาเทคนิคหรือศาสตร์ทางการแพทย์ในรูปแบบใหม่ ๆ มาดึงดูดให้ประชาชนเข้ารับบริการ ซึ่งมีทั้งส่วนดีและส่วนที่น่ากังวล
คือการที่สถานพยาบาลบางแห่งอาจอาศัยความไม่รู้ของประชาชนมาบิดเบือนข้อมูลก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อบริการทางการแพทย์ อย่างกรณีการนำคีเลชั่นบำบัดมาให้บริการ โดยอวดอ้างว่าสามารถลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ทั้งยังใช้รักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ให้หายขาดได้ ทั้งที่จริงคีเลชั่นบำบัดทำเพื่อขับสารพิษโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว สารปรอท สารหนู ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการอักเสบในบริเวณที่สะสม หรือบำบัดภาวะผิดปกติทางสุขภาพที่สัมพันธ์กับการสะสมและตกค้างของสารโลหะหนักแบบเรื้อรัง ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยง
เช่น ผู้ที่อาศัยหรือประกอบอาชีพในแหล่งที่มีสารโลหะหนัก อาทิ โรงงานแบตเตอรี่ โรงเชื่อมโลหะ หรือเป็นผู้ที่มีประวัติถูกยิงและมีกระสุนฝังในร่างกาย โดยการนำสารเคมี เช่น โปรตีนสังเคราะห์ EDTA ฉีดเข้ากระแสเลือด เพื่อเข้าไปจับตัวกับอนุภาคของโลหะหนักเพื่อขับโลหะหนักออกจากร่างกายซึ่งอาจจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ หากใช้กับบุคคลที่ร่างกายมีโลหะหนักแต่ไม่ได้ถึงระดับขนาดที่เป็นพิษหรือป่วยด้วยโรคพิษโลหะหนัก
อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้แน่ชัดว่าสามารถลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง หรือสามารถรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ ได้ ซึ่งปัจจุบันตามมาตรฐานทางการแพทย์สงวนการทำคีเลชั่นบำบัดไว้สำหรับผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคพิษโลหะหนักเท่านั้ นและต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ดังนั้นประชาชนจะต้องพิจารณาให้รอบด้านก่อนตัดสินใจรับบริการอย่าด่วนตัดสินใจเพียงเพราะคำโฆษณา