สตง.หวั่นปัญหาการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2564 ของประเทศไทยไม่เป็นไปตามแผน พบทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังไม่แปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ ส่งหนังสือแจ้งทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการตามข้อเสนอแนะ
จากรายงานของ United Nations World Population Ageing ที่คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ในปี พ.ศ. 2564 ซึ่งส่งผลต่อสภาพสังคม สภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงาน ตลอดจนการจัดสรรทรัพยากรทางสุขภาพและสังคมของประเทศในระยะยาว ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานของสังคมและเตรียมความพร้อมรองรับเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จึงได้เข้าตรวจสอบการดำเนินงานตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545-2564) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 พ.ศ. 2552 ซึ่งกำหนดเงื่อนไขจำเป็นของแผนฯ โดยให้ความสำคัญกับการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและเน้นการบูรณาการการทำงานจาก ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของ สตง. พบว่าแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ยังขาดแผนปฏิบัติการในภาพรวมที่มีการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ครอบคลุมแผนงาน/งาน/โครงการ และเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ มาตรการ และดัชนีชี้วัดของแผน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการแปลงแผนฯ ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
แต่จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพบว่าหน่วยงานต่าง ๆ ยังไม่มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ตลอดจนแนวทางในการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยปฏิบัติในระดับพื้นที่ที่มีความเข้าใจว่าการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุเป็นการดำเนินงานตามภารกิจประจำตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการ โดยไม่ได้พิจารณาว่าการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุมีความสอดคล้องกับแผนผู้สูงอายุแห่งชาติหรือไม่
“การแปลงแผนผู้สูงอายุแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติโดยที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของแผนดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนฯ รวมทั้งขาดรายละเอียดระดับแผนงาน/งาน/โครงการเพื่อใช้ในการติดตามและประเมินผล ซึ่งย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการวัดผลสัมฤทธิ์ของแผน เนื่องจากไม่มีแผนปฏิบัติการในภาพรวมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ” ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินกล่าว
นอกจากนี้ ยังพบว่าการปรับปรุงแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545-2564) มีความล่าช้า ไม่เป็นไปตามที่กำหนด กล่าวคือ จนปัจจุบันมีการปรับปรุงแผนฯ เพียง 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงแล้วควรจะต้องได้รับการปรับแผนฯ รวมทั้งสิ้น 3 ครั้ง เนื่องจากแผนผู้สูงอายุดังกล่าวได้กำหนดเงื่อนไขให้มีการพิจารณาและปรับปรุงแผนเป็นระยะ ๆ ไม่เกินทุก 5 ปี
กระบวนการปรับปรุงแผนที่ไม่เป็นไปตามที่กำหนด ส่งผลทำให้แผนผู้สูงอายุแห่งชาติขาดความเป็นปัจจุบัน และไม่สอดคล้องกับการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแต่ละฉบับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่นำแผนฯ มาแปลงสู่การปฏิบัติ ด้วยเห็นว่ามาตรการและเป้าหมายตามแผนที่กำหนดไม่ทันกับสถานการณ์และความต้องการของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อการขับเคลื่อนแผนฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
จากผลการตรวจสอบข้างต้น สตง. จึงได้มีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบพร้อมข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ หน่วยงานที่กำกับดูแล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้วแจ้งให้ สตง. ทราบภายใน 60 วัน อาทิ เร่งผลักดันให้การดำเนินงานตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกหน่วยงานตระหนักถึงความสำคัญและเกิดการบูรณาการในการแปลงแผนผู้สูงอายุแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม