“เซอร์เจมี” จากซีรีส์ชื่อดัง “เกมออฟโธรนส์” เยือนป่าอเมซอนกับ UNDP

17

“นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู” ผู้รับบท”เซอร์เจมี” ในจากซีรีส์ชื่อดัง “เกมออฟโธรนส์” และทูตสันถวไมตรีของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เพิ่งเดินทางกลับจากทริปสืบหาข้อเท็จจริงที่ประเทศเปรู ซึ่งเขาได้ลงพื้นที่ลึกลงไปในป่าอเมซอนร่วมกับ UNDP เพื่อสืบเสาะหาต้นตอที่แท้จริงรวมถึงผลกระทบจากเหตุไฟป่า ภารกิจครั้งนี้ยังเผยให้เห็นเบื้องลึกของผลกระทบที่การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศมีต่อชุมชนห่างไกลที่อาศัยอยู่ในป่าอเมซอนแห่งนี้ด้วย

“ตอนที่ผมเห็นภาพไฟไหม้ที่ป่าอเมซอนนั้น ผมก็รู้สึกช็อก หดหู่ใจ และโกรธเหมือนคนอื่น ๆ ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลย” นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู กล่าว “ผมจึงอยากเดินทางไปเปรูเพื่อค้นหาต้นตอเบื้องหลังเหตุไฟไหม้ป่าอเมซอน”

นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู พบว่าการตัดไม้ทำลายป่าในป่าอเมซอนเขตประเทศเปรูนั้นคือต้นเหตุของไฟป่า โดยการตัดไม้ทำลายป่านี้มีสาเหตุจากความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชุมชนในพื้นที่นี้กำลังเผชิญอยู่

ชุมชนพื้นเมืองดั้งเดิมและกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องป่าฝนในเขตอเมซอน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 60% ของเปรู และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโลกของเรา เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งน้ำจืดของโลกราว 20%

แต่ในป่าอเมซอนเขตประเทศเปรู ชุมชนหลายแห่งต้องเผชิญกับปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียม ทั้งยังขาดโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรที่จำเป็นด้วย ชุมชนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหมู่บ้านชาวนาหรือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ซึ่งผู้อยู่อาศัยหากินกับป้าไม้ และมักตัดไม้ในพื้นที่ของตนเพื่อปลูกอาหารและหาเงินประทังชีวิต

นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู กล่าวว่า “เมื่อผมลงพื้นที่ในเปรูแล้ว ผมพบว่าเหตุไฟไหม้ที่ป่าอเมซอนและการตัดไม้ทำลายป่านั้นเป็นเรื่องซับซ้อนมาก แต่ใจกลางของเรื่องนี้อยู่ที่ความไม่เท่าเทียมทางสังคม”

“ผมได้พบกับชนพื้นเมือง ซึ่งได้เล่าเรื่องความยากลำบากที่ต้องเผชิญให้ผมฟัง พวกเขาเป็นเกษตรกร พวกเขาต้องทำการเกษตร ไม่ใช่เพื่อทำกำไรแต่เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว” นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู กล่าว “ชุมชนเหล่านี้ส่วนใหญ่ยากจนข้นแค้น แถมยังมีทางเลือกที่เป็นไปไม่ได้ โดยพวกเขาต้องเป็นทั้งผู้พิทักษ์ป่าอเมซอน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเคลียร์พื้นที่บางส่วนเพื่อนำไปปลูกพืชเอาชีวิตรอดต่อไป”

นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู กล่าวว่า “ปัญหาที่ชนพื้นเมืองกำลังเผชิญในป่าอเมซอน ไม่ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ซึ่งได้ทวีความรุนแรงตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้เพียงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงต้นตอที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ด้วย นั่นคือความไม่เท่าเทียม”

“หากเราไม่จัดการกับปัญหาความไม่เท่าเทียมในระดับโลกแล้ว เราก็จะแก้ไขปัญหาโลกร้อนไม่ได้ สิ่งนี้เป็นเรื่องซับซ้อนแต่ก็ยังมีความหวัง เรามีทรัพยากร เรามีเทคโนโลยี เหลือเพียงว่าเราต้องลงมือทำ เราทุกคนควรผนึกกำลังกัน ไม่ว่าจะเป็นบุคคล ชุมชน หรือประเทศชาติ และเมื่อเราลงมือทำแล้ว ปัญหาดังกล่าวก็จะคลี่คลาย”

คุณมาเรีย เดล การ์เมน ซากาซา ผู้แทน UNDP ในเปรู กล่าวว่า “ความท้าทายในการพัฒนาเป็นเรื่องซับซ้อน และในประเทศเปรูซึ่งมีพื้นที่ป่าอเมซอนมากเป็นอันดับสอง เราจำเป็นต้องมีวิธีแก้ปัญหาในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้ชุมชนผู้ด้อยโอกาสก้าวหน้าต่อไปได้เพื่อก่อให้เกิดความเท่าเทียมและยืดหยุ่นต่อภาวะโลกร้อน”

UNDP ให้การสนับสนุนหน่วยงานรัฐบาล เอกชน และชุมชนต่าง ๆ ในการลดการตัดไม้ทำลายป่าและจัดการกับปัญหาโลกร้อนในป่าอเมซอนเขตเปรู UNDP และพันธมิตรทำงานสอดคล้องกับกรอบนโยบายระดับชาติของรัฐบาลเปรู เพื่อเข้าจัดการต้นตอเบื้องหลังการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ด้วยการสนับสนุนหลักธรรมาภิบาลที่มีความเท่าเทียม ให้การช่วยเหลือทางเทคนิคเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ยืดหยุ่นต่อทุกสภาพอากาศอย่างยั่งยืน และอำนวยความสะดวกในความร่วมมือระหว่างฝ่ายต่าง ๆ เพื่อระดมทุนจากภาครัฐและเอกชนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน

UNDP ทำงานร่วมกับผู้คนจากทุกระดับทางสังคม เพื่อช่วยสร้างประเทศให้ต้านทานต่อวิกฤติต่าง ๆ พร้อมขับเคลื่อนและสนับสนุนการเติบโตที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคน UNDP ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเกือบ 170 ประเทศและดินแดน โดยทำหน้าที่ให้ข้อมูลภาพรวมระดับโลกและข้อมูลเจาะลึกในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อช่วยยกระดับชีวิตและสร้างชาติให้แข็งแกร่ง รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.undp.org