คนปักษ์ใต้ชอบพูดอะไรสั้นๆ เพียงแค่บิดมอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าบ้าน ก็สื่อสารกันรู้เรื่อง ถามว่า “มาไหน” (ไปไหนมา) คนขับบอก “หลาด” (ตลาด) เป็นอันจบบทสนทนา กระทั่งคำว่า “มอเตอร์ไซด์” ก็เรียกสั้นๆ ว่า “รถเครื่อง” เป็นอันรู้กัน
ดังนั้นคนที่บอกว่าฟังภาษาใต้ไม่รู้เรื่อง ก็อาจจะมาจากการพูดห้วนๆ ตัดคำสั้นๆ พอได้ใจความ แต่แค่เรื่องของการพูดจาเท่านั้นที่ดูห้วนสั้นจนจับทางไม่ค่อยถูก เพราะหากลงลึกถึงรายละเอียดความเป็นเนื้อแท้ของคนใต้ นับว่ามีความละเมียดละไมอยู่มาก
วันนี้เราเดินทางมาจังหวัดนครศรีธรรมราช ดินแดนที่ได้ชื่อว่า เคยเป็นเมืองรอง ที่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวมาก่อน แต่พอเริ่มมีคนมาลอง ก็ต้องหลงรัก จนกลายเป็นเมืองคึกคัก ในสไตล์ “นครศรีดี๊ดี” ด้วยมีของดีอยู่มาก
ล่าสุด ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวเสริมพลังกาย-ใจ ในนครแห่งความสุข ภายใต้โครงการ “กรุงเทพ-มาหา-นคร” ชวนคนเมือง เยือนเมืองคอน โดยวันนี้ คุณสุชาติ ชายมัน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เกียรตินำคณะเดินทางท่องเที่ยวไปในจุดต่างๆ
และนี่คือ 10 เสน่ห์อันล้ำลึกของนครศรีธรรมราช ที่เราอยากนำเสนอให้ชม
1.ชวนให้สงสัย กับ พระธาตุไร้เงา
นครศรีธรรมราชได้ชื่อว่า “นครสองธรรม” อันประกอบด้วย “ธรรมะ” และ “ธรรมชาติ” ผู้ที่มาเยือนเมืองคอน ต้องไม่พลาด การเข้าเที่ยวชมและกราบสักการะพระธาตุเมืองนคร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” หรือ ที่ชาวนครเรียกกันสั้นๆ ว่า “วัดพระธาตุ” โบราณสถานสถานอันศักดิ์สิทธิ์ มิ่งขวัญชาวเมืองนครศรีธรรมราชตลอดจนพุทธศานิกชนทั้งหลาย
ความน่าอัศจรรย์ใจจนได้รับการกล่าวขานว่า “พระธาตุไร้เงา” เนื่องจากองค์พระธาตุจะไม่มีเงาทอดลงพื้นไม่ว่าแสงอาทิตย์จะส่องกระทบไปทางไหน จึงกลายเป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ พระบรมธาตุเจดีย์ภายในวัด เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศจดทะเบียนวัดพระมหาธาตุเป็นโบราณสถาน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้
2.แวบเดียวก็ชื่นตา กับ โลมาสีชมพู
อ.ขนอม อยู่ห่างจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช ประมาณ 100 กิโลเมตร ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นเมืองท่าเทียบเรือมาแต่โบราณ มีอายุกว่า 800 ปี ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เดิมมีชื่อเรียกว่า “เมืองตระนอม” ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่ในละแวกใกล้เคียง
นอกจากการเลือกเที่ยวชมหรือเข้าพักในชายหาดสวยสะอาดตา ใน อ.ขนอม แล้ว เมืองชายหาดแห่งนี้ยังพาเราออกไปค้นหาความงามของธรรมชาติ และประสบการณ์หนึ่งเดียวที่ไม่สามารถหาชมได้ที่ไหน
เริ่มต้นจากการออกเรือไปชม “โลมาสีชมพู” ซึ่งพบเห็นได้บริเวณอ่าวเตล็ด เนื่องจากเป็นอ่าวที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรทางทะเล มีหญ้าทะเล 5 สายพันธุ์ และปลาหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งเป็นกลุ่มอาหารของโลมา จึงถือเป็นแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องย้ายถิ่น โดยชาวบ้านได้ร่วมกันปลูกหญ้าทะเลเพื่อรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กว่า 100 ไร่ หากน้ำลงก็จะมองเห็นแนวหญ้าขนาดใหญ่ใต้ผืนน้ำด้วย
ชาวบ้านบอกว่า ปกติแล้ว โลมาจะออกมาให้เห็นในช่วงเช้า หรือไม่เกิน 9.00 น. หลังจากนั้นก็ต้องวัดดวง เช่นวันนี้ สายมากแล้ว แต่เราทุกคนก็ยังมุ่งมั่นว่า จะได้พบความน่ารักของพวกมัน ราวสิบนาทีที่รอคอย โลมาน้อยก็มาโชว์มายากล ว่ายวนอยู่ราว 3 วิ 2-3 จุด ซึ่งมีเรือหลายลำจอดอยู่ เพียงแวบๆ เท่านั้นที่เราได้เห็นมัน แต่ก็คือช่วงเวลาที่แสนประทับใจ
แม้จะยกกล้องขึ้นมาส่องไม่ทัน แต่ภาพในดวงตานั้นยังชัดเจน ด้วยความที่โลมาจะว่ายวนขึ้นมาให้เห็นเป็นช่วงๆ ไม่ได้กระโดดโลดโผนแบบโลมาโชว์ ทำให้ยากที่จะได้เห็นภาพพวกเขาชัดๆ แต่ก็เคยมีผู้ที่โชคดีกว่า และเก็บภาพมาให้ชมกันได้
ซึ่งแน่นอนว่า เราจะไม่ละความตั้งใจ แล้วเจอกันให้ได้นะ เจ้าโลมาสีชมพู
3.ปาฏิหาริย์หลวงปู่ทวด บ่อน้ำจืดกลางทะเล
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ “หลวงปู่ทวด” ซึ่งมักจะมีสร้อยต่อท้ายว่า “เหยียบน้ำทะเลจืด” แต่ยังไม่รู้ว่า เรื่องที่เล่าขานกันมานั้น เกิดขึ้นที่ไหน หากมาถึงขนอมแล้วตรงมาท่าเรืออ่าวเตล็ด ออกไปชมโลมากันเสร็จก็วกมาที่เกาะนุ้ยได้เลย
การนั่งเรือเที่ยวชมความงามของทะเลขนอมบริเวณอ่าวเตล็ด ใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ จะหมดไปกับการเฝ้าชมน้องโลมา ที่อาจจะมา หรือ ไม่มาเผยโฉมให้ชม จากนั้นก็แวะไปสักการะ “รูปหล่อหลวงปู่ทวด” ที่ประดิษฐานบนเกาะนุ้ย ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
เกาะนุ้ยเป็นเกาะเล็กๆ ไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่เป็นจุดของความอัศจรรย์ใจจาก “บ่อน้ำจืดกลางทะเล” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นตำนานของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หนึ่งใน Unseen ของเมืองไทย เนื่องจากบนเกาะนี้มีบ่อน้ำจืดที่มีรูปร่างคล้ายกับรอยเท้า สามารถมองเห็นได้ในตอนที่น้ำทะเลลดลง หากเป็นช่วงที่น้ำขึ้นจะถูกน้ำทะเลท่วม
มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า เมื่อครั้งที่หลวงปู่ทวดได้เดินทางด้วยเรือจากสงขลาไปยังกรุงศรีอยุธยา ระหว่างทางเกิดพายุและทำให้เรือขาดแคลนน้ำจืด หลวงพ่อทวดจึงแสดงปาฏิหาริย์ด้วยการเหยียบน้ำกลางทะเล จนกลายเป็นแอ่งน้ำจืดกลางทะเลให้ลูกเรือได้ดื่ม ขณะที่หลักการทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า บ่อน้ำจืดกลางทะเลแห่งนี้ เป็นช่องเปิดที่เชื่อมต่อกับรอยแตกของชั้นหินใต้ผิวโลกที่ทะลุถึงสายน้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาล และเมื่อน้ำทะเลลดต่ำลง น้ำจืดด้านล่างก็สามารถดันน้ำเค็มออกไปได้หมด
เราเข้ามายังเกาะนุ้ยในเวลาใกล้เที่ยง น้ำทะเลที่ขึ้นสูงทำให้ไม่สามารถมองเห็นจุดของบ่อน้ำจืดได้อย่างถนัด แต่ก็สร้างความประทับใจได้ไม่มีวันลืม เพราะนี่คือบ่อน้ำจืดกลางทะเลกว้าง ซึ่งสมัยก่อน ชาวบ้านจะต้องออกเรือมาตักน้ำไปใช้ จึงถือเป็นความอะแมซิ่งที่สร้างประโยชน์อย่างมหาศาล
4.ศิลปะอันแกร่งกล้า อันซีนเขาหินพับผ้า
ไม่ไกลจากเกาะนุ้ยนอกและอ่าวเตล็ด มีอีกหนึ่ง Unseen ที่ต้องห้ามพลาด คือ “เขาหินพับผ้า” แนวผาหินที่มีลักษณะเฉพาะตัว ดูแปลกตาและงดงาม ราวกับผลงานทางศิลปะที่ธรรมชาติบรรจงสร้างมา เนื่องจากลักษณะที่คล้ายแผ่นหินเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ซึ่งมาจากการทับถมของตะกอนหินใต้ท้องทะเลมานานกว่า 280 ล้านปี บางจุดสามารถเดินขึ้นไปชมได้ เช่น “เวทีพุ่มพวง” บริเวณชั้นหินที่มีลานกว้างคล้ายเวที ปรากฎให้เห็นในช่วงน้ำลด เป็นบริเวณที่ชาวประมงมักแวะพักหลบคลื่นลม แวะรับประทานอาหาร หรือ พักผ่อนยามออกเรือ
ด้วยลักษณะคล้ายกับผ้าที่พับซ้อนๆ กัน ชาวบ้านจึงเรียกว่า “เขาหินพับผ้า” ส่วนชาวต่างประเทศมักเรียกว่า “แพนเค้กร็อค” (Pancake Rock) เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับ Pancake Rock สถานที่ท่องเที่ยวของหมู่บ้าน Punakaiki บริเวณเกาะใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศนิวซีแลนด์
ได้เห็นความอลังการของธรรมชาติ ก็เป็นอันชื่นใจ จบการนั่งเรือเที่ยวชมบริเวณอ่าวเตล็ด ด้วยสัญญาว่า มีโอกาสแล้วจะกลับมาใหม่อย่างแน่นอน
5.ขอได้ ไหว้รับ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์
ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เรื่องราวของไอ้ไข่ วัดเจดีย์ เป็นที่เลื่องลือไปทั้งเมืองนคร ชื่อเสียงกระฉ่อนไปถึงแดนไกล
ได้คุยกับคุณลุงที่จุดประทัดภายในวัด ก็อดถามไม่ได้ว่า มีคนมาแก้บนกันมากขนาดไหน แค่มองกองภูเขาประทัดก็รับรู้ได้ ลุงบอกว่า ไม่มีวันไหนที่วีดเจดีย์จะเงียบจากเสียงประทัด และขณะที่เราเดินทางเข้าไปที่วัดในเวลาเย็นมากแล้ว ยังมีหนุ่มสาวนำประทัดชุดใหญ่เป็นหมื่นนัดมาแก้บน สอบถามได้เพียงคำตอบว่า “ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ”
มีเรื่องเล่าว่า ในอดีตเมื่อครั้งที่หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เดินทางกลับจากกรุงศรีอยุธยา ได้มาปักกรดอยู่ใน อ.สิชล ซึ่งขณะนั้น มีลูกศิษย์ชื่อ “ไอ้ไข่” เป็นวิญญาณเด็กผู้ชายอายุประมาณ 9-10 ขวบติดตามมาด้วย เมื่อได้พบว่าสถานที่แห่งนี้มีทรัพย์สมบัติและศาสนสถานที่มีความสำคัญ หลวงปู่จึงได้ให้ไอ้ไข่ สิงสถิตเฝ้าทรัพย์สมบัติอยู่ตั้งแต่นั้นมา จวบจนปัจจุบัน คือพื้นที่ของ “วัดเจดีย์” ต.ฉลอง อ.สิชล ซึ่งสันนิษฐานว่ามีอายุราวกว่า 1,000 ปี โดยมีการบูรณะใหม่เมื่อปี พ.ศ.2500
คุณลุงผู้รับบทบาทคนจุดประทัด ยังเล่าว่า คนที่เคยมาแก้บนด้วยประทัดมากที่สุด อยู่ที่ 8 ล้านนัด พร้อมด้วยทุเรียนอีก 10 ตัน เขาคนนั้นเป็นนักธุรกิจชาวฮ่องกงที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจหลายร้อยล้าน หลังจากเดินทางมาขอพรจากไอ้ไข่ ในตอนนั้นต้องใช้คนนับสิบและใช้เวลาจุดประทัดถึง 3 ชั่วโมง
6.อัพเดทเส้นทางสวยก่อนใคร ที่ ถนนพลายจำเริญ
แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถนนพลายจำเริญ ก็สามารถใช้การได้แล้ว รอฟังข่าวอีกราว 1-2 เดือน ถนนแห่งนี้ก็น่าจะพร้อมเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ โดยเชื่อว่าจะเป็นถนนสายเลียบภูเขาและทะเล ที่งดงามลำดับต้นๆ ของเมืองไทย ด้วยความสดใสของทะเลขนอม ที่มีน้ำทะเลสีแสนหวาน กับมุมมองไกลสุดตา โดยมีจุดชมวิวหลายจุด ห่างๆ กัน ให้แวะชม
“ถนนพลายจำเริญ” เชื่อมต่อระหว่าง อ่าวท้องหยี อ.ขนอม และ บ้านเขาพลายดำ อ. สิชล เส้นทางการท่องเที่ยวเลียบชายทะเลอันงดงามของทะเลฝั่งอ่าวไทย ด้วยโค้งเว้าของถนนเลียบภูเขาและทะเล สามารถมองเห็นเกาะสมุย เกาะพะงัน และเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นท้องฟ้าและท้องทะเลมาบรรจบกันได้อย่างน่าประทับใจ โดยจุดชมวิวหลักมีทั้งแบบเสียค่าเข้าชม และ ฟรี ซึ่งถือว่าคุ้มค่า มาแล้วไม่อยากให้พลาด
7.อลังการกรุงชิง อิงทะเลหมอกแดนใต้
ไหนๆ ใครที่บอกว่าจะชมหมอกต้องไปภาคเหนือ ลองมาเยือนเมืองคอนสักครั้งแล้วจะรู้ว่า หมอกแถวนี้ก็ขาวนวลน่ามองไม่เบา
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้ชื่อว่า ดินแดนแห่ง “เขา ป่า นา เล” จึงเต็มไปด้วยความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และหนึ่งในความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาที่งดงามอลังการ อยู่ที่ อ.นบพิตำ
ที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ มีจุดชมทะเลหมอกยามเช้าอันแสนสดชื่นและสวยงามไม่แพ้ที่ไหน เช่น “จุดชมทะเลหมอกเขาเหล็ก” มีชื่อเรียกตามความเป็นมาในอดีต ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นเหมืองแร่เหล็กมาก่อนที่จะปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2512 เขาเหล็กเป็นภูเขาที่มีความสูงประมาณ 330 เมตร และมีทะเลหมอกให้ชมเกือบตลอดทั้งปี สามารถมองเห็นวิวตำบลกรุงชิง ที่โอบล้อมด้วยภูเขาใหญ่น้อยสลับซับซ้อนแบบสุดลูกหูลูกตา
รวมทั้ง “วัดภูเขาเหล็ก” ที่ตั้งอยู่ใน หมู่ 2 บ้านเขาเหล็ก อ.นบพิตำ เป็นวัดที่มีพระอุโบสถที่มีความสวยงาม ทาด้วยสีขาวทั้งหลัง มีพญานาคสีทองอร่ามอยู่ระหว่างทางเข้าอุโบสถ รวมถึงภายในวัดยังมีเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่กลางน้ำ อีกทั้งภายในวัดยังพบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าอยู่ภายในถ้ำพระบาท นับเป็นวัดที่งดงามและเงียบสงบ ด้วยความร่มรื่น ร่มเย็น เหมาะแก่การไปเที่ยวชมหรือการปฏิบัติธรรม
8.บ่อน้ำพุร้อนกรุงชิง ง่ายๆ สไตล์บ้านๆ
อีกจุดผ่อนคลายในเมืองคอน อยู่ที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ แม้สภาพภายนอกจะดูเรียบง่าย แต่เรื่องราวของมันก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“บ่อน้ำพุร้อน” ตั้งอยู่ ณ สำนักสงค์บ่อน้ำร้อนวนาราม หมู่ที่ 3 ต.กรุงชิง เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 55 องศาเซลเซียส ผุดขึ้นมาจากใต้ผิวดิน ลักษณะสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้บ่อน้ำร้อนกรุงชิงแตกต่างจากที่อื่น คือ มีกลิ่นกำมะถัน (กลิ่นแก๊สไข่เน่า) จึงทำให้ไม่เหมาะกับการนำไปต้มไข่ประกอบอาหาร หรือ ทำเป็นห้องอบซาวน่า เหมือนบ่อน้ำร้อนที่อื่น แต่สามารถลงไปแช่ตัวและแช่เท้า เพื่อปรับสมดุลของร่างกาย ด้วยค่าบริการที่ไม่แพง
9.ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้าน ชุมชนบ้านหมอนมด
วิถีชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ สะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีความแตกต่างกันไปตามทำเลอาศัย แต่ก็มีเป้าหมายในทิศทางเดียวกัน คือการอนุรักษ์วิถีถิ่นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางภูมิปัญญา พร้อมด้วยการรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติให้คงความสมบูรณ์สืบไป
“ชุมชนบ้านหมอนมด” ต.นบพิตำ ซึ่งมีคลองหมอนมดเป็นสายน้ำที่แยกจากคลองกลาย ชุมชนเข้มแข็งที่รวมตัวกันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำกลาย ด้วยการนำผักและผลไม้มาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ เช่น การทำสบู่ถ่านไม้ไผ่ สบู่ผักเขลียง สบู่กล้วยหอม รวมทั้งการทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ เช่น มังคุด ต้นกระพ้อ และ ใบเขลียง (หรือใบเหลียง) นำมาสกัดเป็นสีธรรมชาติที่ใช้ย้อมผ้า เกิดเป็นเอกลักษณ์อันสวยงาม พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชม พร้อมโชว์ฝีมือการมัดย้อมด้วยตัวเอง
นอกจากนั้นยังมีบริการโฮมสเตย์ ซึ่งถือเป็น “ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้าน” ตั้งอยู่ริมสายน้ำคลองกลายอันแสนสดชื่น เห็นแล้วต้องร้อง ว้าว ว้าว ว้าว
10.เมนูอร่อย หรอยๆ เมืองคอน
แค่คำว่า “อร่อย” ที่สั้นอยู่แล้ว คนใต้ก็ยังตัดเหลือแค่คำว่า “หรอย” เป็นคำพรรณนาถึงรสชาติที่โดนใจหรือสิ่งอื่นสิ่งใดที่ถูกใจ และเป็นอีกเสน่ห์ที่เด็ดถึงใจสำหรับอาหารใต้ในทุกมื้อ ไม่ว่าจะเช้าสายเที่ยงบ่ายเย็นค่ำ เมืองคอนก็มีอาหารพร้อมเสิร์ฟแบบหรอยๆ กันตลอดเวลา และอาหารที่เขากินกันได้ทั้งวัน นอกจากข้าวแกงแล้ว ก็คือ ขนมจีน โดยแต่ละบ้าน แต่ละร้าน ก็จะมีสูตรเด็ดของตัวเอง อย่างที่ ชุมชนบ้านหมอนมด หากติดต่อมาล่วงหน้า หรือมาเข้าพักแล้วอยากกินขนมจีนกับสารพัดผักพื้นบ้าน ก็แจ้งกับทางชุมชนได้
วันนี้เราได้เต็มอิ่มกับขนมจีนที่มีน้ำยาถึง 4 ชนิด คือ น้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำแกงไตปลา และ น้ำยาพริก พร้อมสารพัดผักที่มาแบบจัดเต็ม จนต้องบอกว่า “หรอยจังหู”
อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ เติมสุขภาพดีๆ ในบรรยากาศอันแสนสดชื่น ในนครแห่งความสุขแห่งนี้
นครศรีดี๊ดี ยิ่งรู้จัก ยิ่งรู้สึกดี ไม่ว่าวันก่อน หรือ ตอนไหน ก็อยากกลับไปเยือนอีกหลายๆ ครั้ง เพราะมันทั้ง “หรอย” ทั้ง “หนุก” สุขแบบเรียบง่าย ได้ใจความ แบบที่คนคอนบอกว่า “มาตะ” (มาสิ) “หนุกนิ” (สนุก-สนุกมาก) “ไม่หก” (ไม่โกหก)
ติดต่อท่องเที่ยวชุมชน
- ชุมชนท่องเที่ยวอ่าวเตล็ด อ.ขนอม โทร. 09-8468-3842 (เรือนั่งได้ประมาณ 7 คน ราคา 1,000 บาทต่อชั่วโมง)
- วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำกลาย อ.นบพิตำ โทร.08-4746-7733