มะเร็งเต้านม รู้ก่อนรักษาได้

26

จากสถิติของโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ มะเร็งเต้านมเป็นโรคในผู้หญิงที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และพบว่าผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมรายใหม่ประมาณ 20,000 คนต่อปี หรือ 55 คนต่อวัน (ทะเบียนมะเร็งของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ, 2017) ทั้งนี้ หากพบตั้งแต่ระยะแรก จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาได้มากขึ้น

ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ  ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ กล่าวว่า โรคมะเร็งเต้านมมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นทุกปี โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคร้ายที่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่มีปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยสนับสนุน คือฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เนื้อเยื่อเต้านมจนเจริญเติบโตผิดปกติ และร่างกายไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตที่ผิดปกตินั้นได้ ทำให้เซลล์เหล่านั้นกลายเป็นเซลล์มะเร็งและโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจแพร่กระจายออกไปยังอวัยวะอื่นๆ จากสถิติพบว่าอายุเฉลี่ยของคนไข้ที่พบมะเร็งเต้านมมากที่สุดคือ อายุ 40 ปีขึ้นไป

หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม การรักษาโดยการผ่าตัดถือเป็นการรักษาหลักที่เป็นมาตรฐานสากล ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มูลนิธิเวชดุสิต ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยการกำกับดูแลของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ และ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ จัดทำ “โครงการ ผ่าตัดเต้าเพื่อผู้ป่วยยากไร้…สู้ภัยมะเร็งเต้านม” โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม จำนวน  50 ราย

โครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสการรักษามะเร็งเต้านมแบบทันท่วงทีและลดภาระของโรงพยาบาลในภาครัฐ โดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษา เนื่องจากการรักษามะเร็งเต้านมมีความซับซ้อน อาจต้องมีหลายรูปแบบและต้องทำการรักษาร่วมกันต่อเนื่องหลังการผ่าตัด เช่น การฉายแสง การให้ยาเคมีบำบัดและการได้รับยาต้านฮอร์โมน เป็นต้น กลุ่มเป้าหมายในการผ่าตัดครั้งนี้คือ ผู้ป่วยคนไทย ที่มีอายุไม่เกิน 65 ปี ที่ใช้สิทธิบัตร 30 บาท/ประกันสังคม/ กรมบัญชีกลาง ไม่มีประกันสุขภาพ เป็นคนไข้ที่ถูกส่งต่อมาจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ แนวการทางการผ่าตัดรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เป็นสำคัญ รวมถึงระยะของโรค ขนาดของก้อนและภาวะสุขภาพต่างๆ ของผู้ป่วย

รูปแบบการผ่าตัดประกอบด้วย 1.การผ่าตัดเต้านมออกเพียงบางส่วนโดยการใช้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย (Wide excision under GA) 2.การผ่าตัดก้อนที่เต้านมและผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองเซนติเนล (ใต้รักแร้) โดยการใช้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย (Lumpectomy with SLNB under GA) 3.การผ่าตัดก้อนที่เต้านมและผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองเซนติเนล (ใต้รักแร้) และเลาะต่อมน้ำเหลืองโดยการใช้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย(Lumpectomy with SLNB and axillary dissection under GA) 4.การผ่าตัดเต้านมออกทั้งเต้าและผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองเซนติเนล (ใต้รักแร้) โดยการใช้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย (Total mastectomy with SLNB under GA) และ 5.การผ่าตัดเต้านมออกทั้งเต้าและเลาะต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้โดยการใช้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย (MRM under GA)  ซึ่งระยะเวลาพักฟื้นภายในรพ. ขึ้นอยู่กับรูปแบบการผ่าตัดในแต่ละประเภทของก้อนเนื้อ และระยะของโรค

นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า โรคมะเร็งถือเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขในทุกประเทศทั่วโลก อัตราการเกิดโรคมะเร็งและอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกเพศ ทุกวัย และทุกเชื้อชาติ ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี และเป็นสาเหตุที่ทำเกิดการสูญเสียประชากรก่อนวัยอันควรและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นจำนวนมาก สถาบันมะเร็งแห่งชาติ มีเป้าประสงค์ในด้านการแก้ไขปัญหาโรคมะเร็งของประเทศ โดยมีเครือข่ายผู้ทำการรักษาโรคมะเร็งจากทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีคุณภาพมาตรฐานด้านวิชาการและการบริการ จึงให้ความสำคัญกับแนวทางการรักษาโรคมะเร็งที่มีผลกระทบต่อประชากรให้ได้รับการรักษา และถือเป็นโอกาสอันดีในความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านโรคมะเร็งเต้านมให้กับผู้ป่วยยากไร้ ที่ต้องรอคิวการผ่าตัดจากรพ. รัฐ มาเข้าโครงการผ่าตัดเต้าเพื่อผู้ป่วยยากไร้…สู้ภัยมะเร็งเต้านม จำนวน 50 ราย

นพ.สาธิต ศรีมันทยามาศ ศัลยแพทย์มะเร็งเต้านม โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ ให้ข้อมูลเสริมว่า ศูนย์เต้านม โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ พร้อมให้การดูแลเฉพาะทางในด้านสุขภาพเต้านมของผู้หญิงทุกวัย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเต้านมโดยเฉพาะ ทั้งศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ วิสัญญีแพทย์ อายุรแพทย์โรคมะเร็งและพยาบาลที่พร้อมให้ให้คำแนะนำในการตรวจวินิจฉัย ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในการค้นหามะเร็ง ตลอดจนการรักษาโดยแพทย์สหสาขา รวมทั้งการติดตามผลการรักษาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยผู้ป่วยจะได้รับการรักษาครอบคลุมทุกระยะของมะเร็งเต้านมด้วยมาตรฐานระดับสากล

ทั้งนี้ อยากรณรงค์ให้ผู้หญิงไทย ให้ความสำคัญกับการตรวจค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรก โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมว่า ในเบื้องต้นสามารถทำการตรวจค้นหาด้วยตนเองได้ และเมื่อพบก้อนมะเร็งที่มีขนาดเล็กในระยะเริ่มแรกจะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมีโอกาสหายได้สูงมากและกลับเป็นซ้ำในภายหลังก็น้อย ตลอดจนสามารถเก็บเต้านมข้างที่เป็นมะเร็งไว้ได้โดยไม่ต้องตัดเต้านมทิ้ง เพียงแค่คว้านเอาก้อนมะเร็งออกให้หมดและใช้รังสีรักษาในส่วนเต้านมที่เหลืออยู่ ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยมาก และบางกรณีหากค้นในพบระยะที่ก้อนมะเร็งยังเล็กอาจไม่ต้องใช้วิธีด้วยรังสีรักษาก็ได้หรืออาจไม่มีความจำเป็นจะต้องเลาะต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ออก ไม่เสี่ยงต่ออาการแขนบวมหรือแขนติดหลังผ่าตัด อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือคีโมอีกด้วย

แม้ว่ามะเร็งเต้านมจะป้องกันได้ โดยการลดปัจจัยเสี่ยง แต่เราสามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ควรตรวจด้วยวิธีคลำด้วยตนเองทุกเดือน ตั้งแต่อายุ 20 ปีควรให้แพทย์ตรวจทุก 3-5 ปี และสำหรับผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยดิจิตอลแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์ทุกปี และหากมีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งอาจต้องตรวจเร็วขึ้นตั้งแต่อายุ 35 ปี เพราะหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ทำให้ได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ลดการสูญเสียเต้านมไป