กรมควบคุมโรค แนะวิธีเลี่ยงอาหารเป็นพิษช่วงตรุษจีน

32

หลายคนอาจจะชะงักกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เพราะความอิ่มหมีพีมันในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองรับปีใหม่ ต่อเนื่องไปจนถึงวันตรุษจีนในเร็วๆ นี้ นอกจากความอ้วนหรือโรคภัยที่จะมาจาการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะแล้ว ยังมีโรคภัยต่างๆ อาทิ โรคอาหารเป็นพิษ ที่จะเกิดขึ้นมากในช่วงนี้

นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษในประเทศไทย ปี 2562 พบผู้ป่วย 109,491 ราย เสียชีวิต 1 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 15-24 ปี รองลงมาคือ อายุมากกว่า 65 ปี และ 25-34 ปี ตามลำดับ ส่วนในปี 2563 นี้ พบผู้ป่วยแล้ว 2,043 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต  ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเป็นกลุ่มก้อน 1 เหตุการณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในค่ายลูกเสือ มีผู้ป่วยรวม 189 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต อาหารสงสัยที่เป็นสาเหตุครั้งนี้ ได้แก่ ไก่ต้ม ข้าวสวย ไข่ต้ม ซอสปรุงรส ซึ่งเมื่อทิ้งไว้นานมีความเสี่ยงต่อการบูดเสียได้ง่าย

พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพในสัปดาห์นี้ (วันที่ 19 – 25 ม.ค. 63) คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสที่จะพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ประชาชนจะซื้ออาหาร เครื่องไหว้ ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์สำหรับไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ อาหารบางอย่างที่เสร็จสิ้นจากการไหว้เจ้า เมื่อสัมผัสกับอากาศภายนอกเป็นระยะเวลานานโดยไม่มีภาชนะที่ปิดไว้ให้มิดชิดอาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคได้

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า การปรุง การเก็บอาหาร ต้องคำนึงถึงความสะอาด ปลอดโรค ปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อน อาหารที่ใช้ไหว้เจ้า ทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง ควรเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบความสะอาดก่อนนำมาทำพิธีหรือนำมาปรุงอาหาร ไม่ให้เชือกฟาง และก้านธูปสัมผัสกับอาหาร และควรลดการรับประทานอาหารที่เสี่ยงต่อสารปนเปื้อนให้มากที่สุด  ที่สำคัญขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน   เก็บถนอมอาหารอย่างถูกวิธี และก่อนหยิบจับอาหารควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง อาการของผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ จะคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน  ปวดศีรษะ คอแห้งกระหายน้ำ ในรายที่มีอาการถ่ายอุจจาระมากๆ ผู้ป่วยอาจมีภาวะช็อกหมดสติได้   การช่วยเหลือเบื้องต้น ควรให้จิบสารละลายเกลือแร่โอ อาร์ เอส บ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”