เสียวหมี่ เปิดตัว Redmi Note 9S สมาร์ทโฟนรุ่นกลางคุณภาพระดับแชมเปี้ยน

13

ขอแนะนำ Redmi Note 9S: ขุมพลังแห่งชัยชนะ ฟีเจอร์ทรงพลังอัดแน่น พร้อมกล้องถึง 4 ตัว ผสมผสานให้เกิดประสบการณ์ใช้งานที่ลงตัว สะกดทุกการใช้งาน

เสียวหมี่ ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกเปิดตัว Redmi Note 9S สมาร์ทโฟนรุ่นกลางคุณภาพระดับแชมเปี้ยน พร้อมประสบการณ์การใช้งานระดับห้าดาวสมการรอคอยสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในตระกูล Redmi Note เครื่องมาพร้อมระบบประมวลผลทรงพลัง โดดเด่นด้วยดีไซน์อันลงตัว และกล้องหลัง 4 ตัวอันยอดเยี่ยม พร้อมขุมพลังจัดเต็มด้วยแบตเตอรี่อายุการใช้งานยาวนาน

มร.โจนาธาน คัง ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เสียวหมี่ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Redmi Note เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นที่ขายดีที่สุดของเสียวหมี่ การันตีด้วยยอดขายกว่า 110,000,000 + เครื่องทั่วโลก และยังติดอันดับมือถือยอดนิยมท็อป 10 ของโลกตามสถิติจากบริษัทสำรวจตลาด Canalys อีกด้วย และนอกจากจะเป็นสมาร์ทโฟนยอดนิยม Redmi Note ยังแสดงให้เห็นถึงปรัชญาขององค์กรที่เรายึดถืออย่างหนักแน่นว่าจะนำนวัตกรรมมาให้กับทุกคน Redmi Note 9S จะยังคงตอกย้ำปรัชญานี้พร้อมประสิทธิภาพคับเครื่องในราคาที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน

ประสิทธิภาพการทำงานเป็นหนึ่งด้วยชิปเซ็ตทรงพลังและขุมพลังแบตเตอรี่ความจุสูง มาพร้อมชิปเซ็ตทรงพลัง Qualcomm® Snapdragon™ 720G ซึ่งประกอบไปด้วย octa-core CPU ให้ความเร็วสูงสุดถึง 2.3GHz และ GPU Adreno™ 618 และเทคโนโลยีการประมวลผล 8 นาโนเมตร Redmi Note 9S มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยมให้กับคุณผ่านเทคโนโลยี AI อันล้ำหน้าพร้อมการพัฒนาของแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟน Redmi Note รุ่นแรกที่มี Z-axis linear vibration motor หรือการเคลื่อนไหวแบบสั่นของมอเตอร์ที่เป็นแกน Z ทำให้มีความเร่งที่เร็วขึ้น และส่งผลให้การตอบสนองที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสดีขึ้นกว่าแบบเดิม หรือ haptic feedback ดีขึ้น ความจุแบตเตอรี่มากถึง 5020 มิลลิแอมป์ ทำให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แม้ในยามที่ใช้งานอย่างหนักก็ตาม เมื่อต้องการจะชาร์จแบตเตอรี่ เครื่องก็มาพร้อมคุณสมบัติการชาร์จเร็ว 18W และหัวชาร์จ 22.5W ที่ให้มาในกล่อง

คุณภาพระดับพรีเมี่ยมยังคงถูกส่งต่อด้วยดีไซน์อันเรียบหรูและหน้าจอที่สวยงาม

Redmi Note 9S อวดโฉมดีไซน์ใหม่แบบไร้รอยบาก (notch-free) โดยการปรับเปลี่ยนการจัดวางกล้องหลังเป็นสี่เหลี่ยม ปุ่มเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้าง และทำหน้าที่เป็นปุ่มพาวเวอร์ไปในตัว เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการปลดล็อค ทั้งนี้ยังมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว FHD+ DotDisplay และครั้งแรกของกล้องหน้าใน Redmi Note ที่ออกแบบให้ดูพรีเมี่ยมและดีไซน์ที่ลงตัว ให้มีพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องมากถึง 91%

เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น หน้าจอยังมาพร้อมการรับรองจาก TÜV Rheinland ในการลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาจากการใช้งานที่ยาวนาน ตัวเครื่องนั้นมีถึงสามเฉดสี สวยสะดุดตา ทั้งสี Interstellar Grey, Aurora Blue และ Glacier White Redmi Note 9S นั้นยังคงชื่อเสียงอันดีงามของสมาร์ทโฟนในตระกูล Redmi Note ไว้ได้อย่างดี

โดยได้ทำการพัฒนาสมาร์ทโฟนคุณภาพเยี่ยมที่จะกลับมาสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งานอีกครั้ง ด้วยการเคลือบนาโนกันน้ำและใช้เทคโนโลยี Corning® Gorilla® Glass 5 ทั้งด้านหน้าตัวเครื่อง และฝาหลัง

เฉิดฉายไปกับการถ่ายภาพและการถ่ายวีดิโอด้วยนวัตกรรมกล้อง 4 ตัว

Redmi Note 9S มาพร้อมกับกล้องหลังถึง 4 ตัวโดยมีเลนส์หลักที่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง ½ นิ้ว สำหรับการถ่ายภาพเวลากลางวันแบบ ultra-high-resolution ทั้งยังมีเลนส์ ultra-wide ที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ให้คุณเก็บภาพกลุ่มขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เลนส์มาโครให้มาที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และเลนส์ depth ให้มาที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มาช่วยให้คุณถ่ายรูปได้สวยสมใจในทุกช่วงเวลา

กล้องหน้าของ Redmi Note 9S มาพร้อมกับกล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดกล้องหน้าเล็กลง ทำให้พื้นที่ของหน้าจอมีมากขึ้นโดยไม่ลดทอนคุณภาพและประสิทธิภาพของกล้องแต่อย่างใด

ราคาและการวางจำหน่าย

เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2563 ในโอกาส Lazada Birthday Sale 2020 ผ่าน แพลตฟอร์มลาซาด้าเท่านั้น เฉพาะรุ่น Redmi Note 9S ความจุ 4GB+64 GB ในราคาสุดพิเศษ 5,999 บาท ลดราคาจาก 6,499 บาท พร้อมรับฟรี Mi Smart Band 4 ราคา 1,299 บาท โดยระยะเวลาโปรโมชันพิเศษนี้มีระยะเวลาเริ่มตั้งแต่ 27 มีนาคม ถึง 31 เมษายน 2563 หรือจนกว่าของจะหมด

นอกจากนี้เสียวหมี่ยังขนโปรโมชันพิเศษมากมายมาเอาใจในโอกาสลาซาด้าฉลองครบรอบ 6 ปี อาทิ Mi Note 10 ความจุ 6GB + 128GB จะจำหน่ายในราคา 13,990 บาท จากราคา 16,990 บาท, Mi Note 10 Pro ความจุ 8GB + 256GB จะจำหน่ายในราคา 19,990 บาท พิเศษพร้อมรับ Mi Air Purifier 2C ฟรี มูลค่า 3,999 บาท และ Redmi Note 8 ความจุ 3GB+32GB จะจำหน่ายในราคา 3,799 บาท จากราคา 4,999 บาท

สำหรับรุ่น Redmi Note 9S ความจุ 6GB+128 GB จำหน่ายในราคา 7,999 บาท เริ่มจำหน่ายวันแรกในเทศกาล Mi-Fans Festival ในวันที่ 7 เมษายน 2563 ผ่านช่องทางออนไลน์และร้านตัวแทนจำหน่ายทั้ง COM7, TG FONE, JAYMART และร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากทางเสียวหมี่อย่างเป็นทางการ

เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Mi Handheld Vacuum Cleaner 1C

ให้คุณสัมผัสกับประสบการณ์ทำความสะอาดแบบไม่เปลืองแรง ด้วยการออกแบบที่สามารถพกพา เคลื่อนย้ายแบบไม่มีสายกวนใจ เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นใหม่นี้ยังคงมาพร้อมมอเตอร์ DC brushless motor ที่มีความสามารถในการหมุนเร็วถึง 100,000 รอบต่อนาที จากรุ่นก่อนหน้านี้แต่ได้รับการอัพเกรดให้มีพลังการดูดถึง 120 AW รวมไปถึงระบบการกรองฝุ่นอย่างละเอียดมากถึง 5 ขั้นตอน ดังนี้ ระบบการแยกแบบแอดวานซ์มัลติ-ไซโคลน และมีการกรองอย่างละเอียดด้วย H12-class HEPA filter ทำให้เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Mi Handheld Vacuum Cleaner 1C สามารถจับฝุ่นได้มากถึง 99.97% แม้ฝุ่นที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนก็สามารถจัดการได้ ให้คุณมั่นใจว่าเครื่องจะปล่อยแต่อากาศบริสุทธิ์ออกมา

นอกจากนี้ยังสามารใช้งานได้นานถึง 60 นาทีภายใต้โหมดอีโค Mi Handheld Vacuum Cleaner 1C ยังมาพร้อมหัวดูดให้เลือกหลากหลายถึง 4 หัว ที่จะให้คุณสามารถปรับใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ให้คุณสามารถทำความสะอาดบ้านได้ทั้งหลังและยังซอกซอนตามร่องลึกพื้นผิวเบาะหรือบางเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้าได้อย่างง่ายดาย เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Mi Handheld Vacuum Cleaner 1C จำหน่ายในราคา 7,999 บาท และวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ณ ร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากทางเสียวหมี่, Lazada, Shopee และ JD Central โดยเริ่มวางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ครั้งแรกผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้าในวันที่ 27 มีนาคม 2563

หูฟังไร้สาย Mi True Wireless Earphones 2

Mi True Wireless Earphones 2 หูฟังไร้สายเจเนอเรชั่นใหม่ มาพร้อมสัญญานเชื่อมต่อที่มีความเสถียรมากขึ้น มีความเร็วในการรับส่งเร็วขึ้น และเชื่อมต่อสัญญานเข้ากับบลูทูธ 5.0 ดีขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับ SBC, AAC และ LHDC และยังเพิ่มประสบการณ์การฟังให้ดีขึ้นโดยขยายเสียงทุ้มและตัดเสียงรบกวนด้วยเทคโนโลยี (ENC) หูฟังรุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์อย่าง Pop-up pairing* และมีเซ็นเซอร์ในตัวเพื่อตรวจจับว่าหูฟังอยู่ข้างในหรือนอกหูโดยเสียงดนตรีจะหยุดทันทีหากหูฟังออกจากหูผู้ใช้จะสามารถเพลิดเพลินด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงแค่สัมผัสเบาๆ สองครั้งที่หูฟังเพื่อฟังเพลง รับโทรศัพท์ หรือเข้าถึงการเปิดใช้งานด้วยเสียง ทั้งหมดนี้ใช้เวลาชาร์จเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น Mi True Wireless Earphones 2 ให้คุณฟังเพลงได้ยาวนานถึง 14 ชั่วโมงเลยทีเดียว

วางจำหน่ายในราคา 2,399 บาท หูฟัง Mi True Wireless Earphones 2 วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ณ ร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากทางเสียวหมี่, Lazada, Shopee และ JD Central โดยเริ่มวางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ครั้งแรกผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้าในวันที่ 27 มีนาคม 2563

โปรเจคเตอร์อัจฉริยะขนาดกะทัดรัด Mi Smart Compact Projector

เปิดตัว Mi Smart Compact Projector โปรเจคเตอร์อัจฉริยะขนาดกะทัดรัด มอบประสบการณ์โฮมเธียเตอร์หรือจำลองโรงหนังในบ้านด้วยคุณภาพความละเอียดระดับ Full HD 1080P เม็ดสีสดสมจริง พร้อมลำโพงถึงสองตัวที่ใช้ระบบเสียง Dolby และ DTS อัตราส่วนการฉาย 1.2:1 และสามารถปรับระดับภาพฉายตั้งแต่ 60 ถึง 120 นิ้ว ซึ่งจะเปลี่ยนห้องนั่งเล่นของคุณเป็นโรงหนัง คอนเสิร์ต เกม และอีกมากมาย ขับเคลื่อนด้วยระบบปฎิบัติการ Android TV 9.0 และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือคอนเทนต์สุดโปรดผ่าน Google Play รวมทั้งเพลิดเพลินไปกับ Google Assistant และ ChromeCast.

โปรเจคเตอร์อัจฉริยะขนาดกะทัดรัด Mi Smart Compact Projector วางจำหน่ายแล้วบนร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจากทางเสียวหมี่ และจะวางจำหน่ายบนออนไลน์ครั้งแรกในวันที่ 7 เมษายน 2563 ในราคา 19,990 บาท ผ่านช่องทางการจำหน่าย Lazada, Shopee และ JD Central และพิเศษสุด เมื่อซื้อผ่าน Shopee ในวันที่ 7 เมษายน 2563 เหลือเพียง 15,990 บาทเท่านั้น

เกี่ยวกับเสียวหมี่
เสียวหมี่ ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK.) เสียวหมี่ บริษัทผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ทฮาร์ดแวร์ เพื่อเชื่อมต่อสู่แพลตฟอร์ม IoT

ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานและการเป็นบริษัทที่โดดเด่นที่สุดในใจของลูกค้า เสียวหมี่ มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เสียวหมี่ ไม่ลดละสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจในราคาเพื่อมอบโอกาสให้ทุกคนบนโลกได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม

ปัจจุบัน เสียวหมี่ เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก และได้สร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 213 ล้านผลิตภัณฑ์ (ทั้งนี้ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ วางจำหน่ายมากกว่า 90 ประเทศ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และอยู่ในอันดับต้นๆ ในตลาดสำคัญต่างๆ ด้วยความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของเสียวหมี่ ในเดือนกรกฎาคม 2019 เสียวหมี่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Fortune Global 500” หรือการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก 500 บริษัท ประจำปี 2019 ของนิตยสารฟอร์จูนเป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 468 และบริษัทยังอยู่ในอันดับ 7 ของประเภทบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก และเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับในปีนี้