ทีเอ็มบี ออกมาตรการ ช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

7

ทีเอ็มบี ออกมาตรการเพิ่มเติมเสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้ากองทุนรวม หวังช่วยลูกค้าทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ถือกองทุนธนเพิ่มพูนและกองทุนธนไพบูลย์ของ บลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง หวังช่วยลูกค้าทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

หลังจากที่ทีเอ็มบีได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด ทีเอ็มบีได้ออกมาตรการเพิ่มเติมให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมของบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง ภายหลังจากที่บลจ.ประกาศไม่รับซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า สำหรับทีเอ็มบีนั้น ถึงแม้ปัจจุบันจะถือหุ้นในบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริงเหลือเพียง 35% แต่เป็นความตั้งใจของเราที่จะดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนรายย่อย จึงได้ออกโปรแกรมช่วยเหลือสำหรับนักลงทุนทุกคนที่ถือกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ ทั้งที่เป็นลูกค้าปัจจุบันของทีเอ็มบีหรือแม้จะไม่ใช่ลูกค้าของทีเอ็มบีก็ตาม โดยหากท่านใดมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในระยะสั้น ก็สามารถนำหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าวมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อตามโปรแกรมช่วยเหลือกับทีเอ็มบีได้ ซึ่งธนาคารประเมินว่าโปรแกรมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่อาจจะมีสภาพคล่องตึงตัวในระหว่างที่รอบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริงดำเนินการขายตราสารคุณภาพดี ซึ่งได้กระจายการลงทุนอยู่ทั่วโลกเพื่อนำเงินลงทุนมาจัดสรรคืนผู้ถือหน่วย

“สำหรับกองทุนทั้งสองที่ประกาศไม่รับซื้อและขายคืน เมื่อดูจากคำชี้แจงของบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริงก็พบว่าทั้งสองกองทุนมีลักษณะที่แตกต่างจากกองทุนตราสารหนี้อื่นๆ ในอุตสาหกรรม เพราะมีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศค่อนข้างสูง จึงยังคงมั่นใจในภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมตราสารหนี้ของไทย อีกทั้งยังมีมาตรการจากธนาคารแห่งประเทศไทยในการเสริมสภาพคล่องให้แก่กองทุนรวมตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ ก็จะเข้ามาช่วยเสริมให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้”

นอกจากนั้น สำหรับลูกค้าทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ขอให้สบายใจได้ว่าท่านจะยังสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกติ โดยธนาคารมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านสภาพคล่อง เงินทุน รวมถึงระบบงานต่างๆ ในการรองรับและให้บริการภายใต้ภาวการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงนี้ ทั้งนี้ บลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก ตลาดสินทรัพย์ทุกประเภทล้วนเผชิญแรงเทขายด้วยความวิตกหรือ Panic Sell ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดเงิน รวมถึงตลาดตราสารหนี้ ผลกระทบจาก Panic Sell นี้ ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์

ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้มีลักษณะแตกต่างจากกองทุนอื่นๆ เพราะมีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนค่อนข้างสูง โดยลงทุนในตราสารที่มีคุณภาพดีและมีอันดับความน่าเชื่อถือในกลุ่มน่าลงทุน หรือที่เรียกว่า Investment Grade แต่เมื่อผู้ถือหน่วยขายคืนพร้อมๆ กัน ในขณะที่มีแรงซื้อในตลาดค่อนข้างเบาบาง จึงส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ตกแรงและเร็วในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งไม่สะท้อนถึงคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีที่อยู่ในพอร์ตกองทุนรวม

อย่างไรก็ดี เพื่อหยุด Panic Sell ดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านตราสารหนี้ของ บลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง ได้ดำเนินการปรับกลยุทธ์เพื่อบรรเทาแรงขาย โดยการชะลอระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน อย่างไรก็ดี วิธีการดังกล่าวก็ไม่สามารถชะลอแรงขายได้ ในที่สุดจึงประกาศไม่รับซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนใน 2 กองทุนข้างต้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อคุ้มครองเงินลงทุนของลูกค้าไม่ให้เสียมูลค่าจากแรงเทขาย และรักษาผลประโยชน์ให้กับนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน โดยหลังจากนี้ บลจ.ก็จะทยอยขายตราสารอื่นๆ ในพอร์ตให้ได้ราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าและนำเงินมาจัดสรรคืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุน