พีดีเฮ้าส์โชว์ยอดครึ่งปี 500 ล. รุกต่อรับ New Normal

8
พีดีเฮ้าส์ไม่หวั่นปัญหารอบด้าน ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โชว์ผลงานครึ่งปีแรกสวนกระแสกวาดยอดขายกว่า 500 ล้านบาท ชี้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายพีดีเฮ้าส์ส่วนใหญ่วางแผนออมเงินสำหรับปลูกสร้างบ้านไว้แล้ว สามารถตัดสินใจปลูกสร้างโดยไม่มีความกังวล มั่นใจหลังรัฐบาลปลดล็อกเชื่อตัวเลขยอดขายโต 20% พร้อมปรับแผนการตลาดสอดรับกระแส New Normal  
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด ภายใต้แบรนด์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีแรก 2563 อยู่พอสมควร ด้วยเพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ชะลอตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไปก่อน อันเกิดจากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทฯ ก็สามารถเร่งปิดตัวเลขยอดจองสร้างบ้านมาได้กว่า 250 ล้านบาท ในช่วงท้ายไตรมาสสองที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย อันเป็นผลมาจากรัฐบาลเริ่มปลดล็อกดาวน์ ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายที่ใช้บริการสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์ ถือเป็นกลุ่มเฉพาะหรือเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะมีการศึกษาข้อมูลล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี มีความพร้อมด้านการเงิน และพร้อมตัดสินใจสร้างบ้านกับแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในทันที จึงทำให้บริษัทฯ มีตัวเลขยอดจองปลูกสร้างบ้านรวมครึ่งปีแรกกว่า 500 ล้านบาท”
พิศาล ธรรมวิเศษ

ทั้งนี้จากตัวเลขยอดจองปลูกสร้างบ้านพบว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเลือกปลูกสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัดประมาณ 70% โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานและภาคกลาง ส่วนพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีสัดส่วนประมาณ 30% ด้านกลุ่มราคานั้นพบว่า บ้านในระดับราคา 4-10 ล้านบาท มีลูกค้าเลือกปลูกสร้างสูงถึง 50% รองลงมาเป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 2-4 ล้านบาทอีก 30% และกลุ่มบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปอีก 20%

คุณพิศาลกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 โดยเฉพาะช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างรุนแรง ทำให้รัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์พื้นที่ในหลายจังหวัด อาทิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ภูเก็ต ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่อยู่ต่างประเทศ และลูกค้าชาวต่างชาติที่มีกำหนดกลับมาประเทศไทย เพื่อจะสร้างบ้านหลังใหม่กับพีดีเฮ้าส์ตามที่วางแผนไว้นั้นต้องเลื่อนการเดินทางกลับ ทำให้ตัวเลขยอดจองและเซ็นสัญญาหายไปพอสมควร แต่บริษัทฯ ก็ปรับกลยุทธ์การตลาดโดยรุกเดินหน้าเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่มีความพร้อม และต้องการเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบการที่มีรูปแบบการจัดการที่ชัดเจน มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในธุรกิจรับสร้างบ้านและของผู้บริโภคทั่วไป”

อย่างไรก็ตาม ภายหลังรัฐบาลทยอยปลดล็อกดาวน์ คาดว่าตัวเลขยอดจองสร้างบ้านของบริษัทฯ จะเติบโตได้อีกในช่วงไตรมาส 3 หรือครึ่งปีหลัง อันเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่ถูกอั้นไว้ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 หรือคาดว่าน่าจะขยายตัว 10-15 % เมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา นอกจากนี้ หากมีการเปิดสนามบินและให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ เชื่อว่าตัวเลขยอดจองน่าจะขยับเติบโตได้ถึง 15-20% เลยทีเดียว โดยตัวเลขที่เติบโตเพิ่มขึ้นนั้นมาจากกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่มีเวลาศึกษาข้อมูล ดูประวัติ ดูผลงาน ดูความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ก่อนจะตัดสินใจ

ถิรพร สุวรรณสุต

ด้านนางสาวถิรพร สุวรรณสุต กรรมการบริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรก นับว่าสวนกระแสอยู่พอสมควร ซึ่งการแพร่ระบาดโควิด–19 ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่ จนกลายเป็น New Normal หรือ “ความปกติใหม่” ที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในการใช้ชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ผู้คนมีเวลาอยู่ในที่พักอาศัยและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ในส่วนของบริษัทฯ เองก็ต้องมีการปรับกลยุทธ์และปรับกิจกรรมทางการตลาด เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และความสะดวกของผู้บริโภคผ่านช่องทาง Social Media หลากหลายช่องทาง อาทิ Google, Facebook, Youtube, Instagram, Twitter ฯลฯ

ปัจจุบันศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มีสาขาให้บริการอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บริหารจัดการภายใต้ระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน ที่ออกแบบธุรกิจและกระบวนการทำงานของทุกสาขาให้มีมาตรฐานที่ชัดเจน จนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคที่ใช้บริการสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง หน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ว่าเป็นผู้ประกอบ การรับสร้างบ้านที่มีการจัดการที่ทันสมัย มีมาตรฐานสูง และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้นโยบายการสร้างบ้านอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับในครึ่งปีหลัง 2563 นี้ บริษัทฯ จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคยิ่งขึ้น โดยจะให้ บจก.ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป เข้าเทกโอเวอร์และเข้าถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มบริษัทที่เป็นสาขาแฟรนไชส์ ทั้งนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน รวมทั้งมีการเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อเดียวกัน เช่น บจก. ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (สระบุรี), บจก. ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (สุรินทร์), บจก. ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (หัวหิน) ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่งในพื้นที่โซนตะวันออกของกรุงเทพมหานครในเร็ว ๆ นี้