Atom Outsource เดินหน้ารุกตลาดไทย เปิดตัว Varias Sign แพลตฟอร์มลายเซ็นดิจิทัลบนคลาวด์
โซลูชั่น Varias Sign ตอบโจทย์กลยุทธ์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรในไทย พร้อมช่วยเสริมศักยภาพการทำงานยุคใหม่บนดิจิทัลแพลตฟอร์มให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
บริษัท อะตอม เอาท์ซอร์ซ จำกัด ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ จากภูมิภาคยุโรปประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมเปิดตัว Varias Sign (แวเรียส ไซน์) แพลตฟอร์มลายเซ็นดิจิทัลบนคลาวด์ที่จะช่วยให้กระบวนการทางธุรกิจขององค์กรทำงานได้โดยอัตโนมัติทำให้และทำให้การทำงานมีความราบรื่นยิ่งขึ้น การบุกตลาดไทยเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการรุกตลาดใหม่สอดคล้องกับเทรนด์การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในไทยที่องค์กรต่างๆ ยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป โดยองค์กรต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงองค์กรในไทยได้อนุญาตให้มีการทำงานจากบ้าน (work from home) หรือทำงานจากข้างนอกในระยะไกล (remote work) ดังนั้นการทำงานจึงเป็นไปในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงการลงนามในเอกสารที่ถูกใช้งานแบบดิจิทัลมากขึ้นเช่นกัน เรามองเห็นโอกาสที่ตลาดของโซลูชั่นลายเซ็นดิจิทัลจะเติบโตและจะมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีความพร้อมในด้านดิจิทัลหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ต การใช้งานโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่แพร่หลายอยู่แล้ว รวมถึงจำนวนธุรกิจออนไลน์ที่มีเพิ่มขึ้นในช่วงนี้” โทมัส อันทลิงเงอร์ ซีอีโอ ของ บริษัท อะตอม เอาท์ซอร์ซ จำกัด กล่าวระหว่างการเปิดตัวแพลตฟอร์ม
ปัจจุบันลายเซ็นดิจิทัลได้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยตลาดลายเซ็นดิจิทัลทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 เป็น 14.1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2569 สำหรับในประเทศไทย นโยบาย “ประเทศไทย 4.0” ที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ไปสู่ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” จะเป็นตัวผลักดันสำคัญที่ทำให้การใช้งานโซลูชั่นนี้เป็นไปอย่างแพร่หลายมากขึ้น
“แพลตฟอร์มลายเซ็นดิจิทัล Varias Sign เปิดให้ใช้บริการแล้วในประเทศไทย โดยลายเซ็นดิจิทัลในเอกสารจาก Varias Sign เป็นไปตามมาตรฐานของ PAdEs (PDF Advanced Electronic Signatures) จาก ETSI (European Telecommunications Standards Institute) รวมทั้งพระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ในประเทศไทย. ซึ่งหมายความว่าสัญญาที่ทำผ่านแพลตฟอร์มได้รับการยอมรับและใช้งานในศาลไทยในกรณีที่มีข้อพิพาทได้ ดังนั้นการเซ็นเอกสารผ่านแพลตฟอร์มลายเซ็นดิจิทัล Varias Sign จึงเป็นวิธีการเซ็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพและถูกกฎหมาย” โทมัสกล่าวเสริม
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งานลายเซ็นดิจิทัลในประเทศไทย บริษัท อะตอม เอาท์ซอร์ซ จำกัด มุ่งหวังที่จะให้บริการนี้ใช้ได้ทั้งสำหรับองค์กรและการใช้งานส่วนบุคคล นายเคน กิจจะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขายของบริษัท อะตอม เอาท์ซอร์ซ จำกัด กล่าวว่า “แพลตฟอร์มของเราได้เปิดให้ใช้งานได้ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร โดยเรามีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะช่วยคนไทยให้สามารถปรับตัวเข้ากับบรรทัดฐานใหม่หลังโควิด-19 และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นดิจิทัล ดังนั้นเราจะเปิดให้สามารถใช้โซลูชันซอฟต์แวร์ของเราได้ฟรีสูงสุด 10 เอกสารต่อเดือนในระดับบุคคล ส่วนในระดับองค์กรขนาดใหญ่นั้น เราก็มีฟีเจอร์ระดับมืออาชีพในราคาที่เข้าถึงได้ เพราะเราอยากสนับสนุนให้องค์กรทุกภาคส่วนในประเทศไทย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสูงสุดและทำให้ระบบขององค์กรเป็นแดิจิทัลจากผลิตภัณฑ์ที่ทรงประสิทธิภาพของเรา”
โซลูชั่นลายเซ็นดิจิทัล Varias Sign มีอินเตอร์เฟซและดีไซน์ที่สามารถใช้งานง่าย มีขั้นตอนการใช้งานที่สั้นไม่ซับซ้อนจึงทำงานได้อย่างรวดเร็ว และมีความปลอดภัย รองรับการทำงานระยะไกลโดยอนุญาตให้ผู้ใช้สร้างและลงนามเอกสารดิจิทัลประเภทใดก็ได้จากอุปกรณ์ใดก็ได้จากที่ใดก็ได้ เนื่องจากกระบวนการทำธุรกรรมทางธุรกิจในปัจจุบันต้องการความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยระดับสูง บัญชีผู้ใช้บนแพลตฟอร์มจะได้รับการป้องกันจากระบบการยืนยัน 2 ขั้นตอนก่อนที่จะเข้าถึงข้อมูล ในขณะที่ลายเซ็นทั้งหมดจะได้รับการปกป้องจากการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงมั่นใจในความปลอดภัยได้ นอกจากนี้ ผู้ลงนามสามารถลงนามได้โดยตรงโดยไม่ต้องสร้างบัญชี และยังสามารถขอให้ผู้ลงนามถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อพิสูจน์ตัวตนได้เช่นกัน โซลูชันนี้สามารถผนวกการใช้งานเข้ากับซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่มีอยู่ในองค์กรอยู่แล้วได้อย่างง่ายดาย และสามารถสามารถดัดแปลงเพิ่มเติมฟีเจอร์ต่าง ๆ ตามความต้องการเพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้าได้มากที่สุด โซลูชั่นลายเซ็นดิจิทัล Varias Sign เปิดให้บริการแล้วสองภาษา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย
ปัจจุบันโซลูชันลายเซ็นดิจิทัลของ Varias Sign ถูกใช้โดยบริษัท 270 แห่ง และมีผู้ใช้มากกว่า 4,000 คนในยุโรปและประเทศไทย “เนื่องจากบริษัทฯของเราเป็นพาร์ทเนอร์ของ Huaweii Cloud และ Microsoft ลูกค้าของเราจึงมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถเข้าถึงระบบที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ ด้วยประสบการณ์ของเราในการพัฒนาซอฟต์แวร์มากกว่า 25 ปีในยุโรปเราเชื่อว่าโซลูชันที่เราพัฒนาขึ้นมาเฉพาะนี้จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรต่างๆ ในไทย” โทมัสกล่าวสรุป