ในแต่ละปี พลาสติกจำนวน 11 ล้านตัน ไหลเข้าสู่สภาพแวดล้อม สร้างมลภาวะในมหาสมุทรและระบบนิเวศน์ต่างๆ โดยความพยายามที่จะแก้ปัญหาขยะพลาสติกนี้ในระดับโลกดูเหมือนจะยังไม่ประสบความสำเร็จ เฮงเค็ล จึงได้ร่วมมือกับธุรกิจชั้นนำอื่นๆ เรียกร้องให้เกิดข้อตกลงระดับนานาชาติเพื่อแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติก
ในการร่วมมือกับ 28 ธุรกิจระดับนานาชาติ เฮงเค็ล เสนอให้รัฐบาลชาติต่างๆ มีการเจรจาและตกลงเกี่ยวกับสนธิสัญญาสหประชาชาติ (UN treaty) ว่าด้วยมลพิษจากพลาสติก โดยผู้ที่ร่วมเสนอได้เรียกร้องให้เกิดสนธิสัญญาสหประชาชาติที่จะช่วยประสานความแตกต่างของมาตรฐานและกฎระเบียบ จัดตั้งเมตริกและวิธีการทั่วไป กำหนดการพัฒนาของเป้าหมายระดับชาติและแผนปฏิบัติงาน รวมถึงสนับสนุนนวัตกรรมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อก่อให้เกิดสนามของการแข่งขันตลอดห่วงโซ่คุณค่าพลาสติก
การเรียกร้องโดยกลุ่มธุรกิจในครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวก่อนการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 5 (UNEA5) โดยรายงานฉบับใหม่ที่จัดทำโดยกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) มูลนิธิเอลเลน แมคอาร์เธอร์ และบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป ได้กล่าวถึง ความจำเป็นในการมีข้อผูกพันระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันเพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติก
พลาสติก – ความรับผิดชอบร่วมกัน
“ขยะพลาสติกที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ที่เฮงเค็ล เราตระหนักถึงความรับผิดชอบในการแก้ปัญหานี้ในระดับสากล – และเราลงมือทำ เรามีความมุ่งมั่นในการผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างความร่วมมือตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อก่อให้เกิดแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และหลีกเลี่ยงการสร้างขยะพลาสติก” ซิลวี นิโคล สมาชิกคณะกรรมการบริหารเฮงเค็ล รับผิดชอบด้านทรัพยากรบุคคลและความยั่งยืน กล่าว “แต่อย่างไรก็ตาม กิจกรรมจากแต่ละภาคธุรกิจคงไม่พอ เราต้องการกรอบการทำงานสากลในระดับมาตรฐานสหประชาชาติ เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและช่วยกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยในการแก้ปัญหาขยะพลาสติก”
แอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธาน บริษัทเฮงเค็ล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เฮงเค็ล มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในเรื่องความยั่งยืนในระดับโลก รวมถึงในประเทศไทย ในฐานะที่เป็นผู้นำตลาดเทคโนโลยีกาวและผู้นำนวัตกรรมความงาม เรายังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับฟุตพริ้นท์ด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานของเรา ในการดำเนินการเรื่องนี้ เราร่วมมือกับลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสนับสนุนพนักงานของเราที่ได้รับการอบรมในการเป็นทูตด้านความยั่งยืนให้มีบทบาทในชุมชน โดยไปเยี่ยมโรงเรียนและสอนเด็กเล็กให้รู้จัก ลด ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้อีก พร้อมสนับสนุนกิจกรรมชุมชนอื่นๆที่มีประโยชน์”
ความมุ่งมั่นในการลดขยะพลาสติก
ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ล บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายด้านบรรจุภัณฑ์สำหรับปี 2568 เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน
• โดยเฮงเค็ลตั้งเป้าว่าจะใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้* 100% (*ไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์กาวที่สารตกค้างอาจส่งผลต่อความสามารถในการรีไซเคิลหรือก่อให้เกิดมลพิษ) และเมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมา เราสามารถทำได้ถึง 85% ของบรรจุภัณฑ์ของเรา
• ด้านบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทฯ จะลดพลาสติกบริสุทธิ์ที่ผลิตจากฟอสซิลลง 50% โดยเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้โดยการเพิ่มสัดส่วนของพลาสติกรีไซเคิลให้มากกว่า 30% ด้วยการลดปริมาณพลาสติกและใช้พลาสติกชีวภาพมากขึ้น และเมื่อปลายปี 2562 ที่ผ่านมา เฮงเค็ลใช้พลาสติกรีไซเคิล 12% กับบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคในยุโรป และ 10% ทั่วโลก
ยิ่งไปกว่านั้น เฮงเค็ลได้ตั้งเป้าในการป้องกันไม่ให้มีการปล่อยของเสียออกไปสู่สิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เฮงเค็ลได้สนับสนุนให้มีการรวบรวมและรีไซเคิลของเสีย และลงทุนด้านโซลูชั่นและเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการรีไซเคิลในวงจรแบบปิด (closed-loop recycling)
ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือระหว่างเฮงเค็ลและ Plastic Bank ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อสังคมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหยุดมลพิษจากพลาสติกไม่ให้ไหลลงไปสู่มหาสมุทร ในขณะเดียวกันก็ยังให้โอกาสแก่คนยากจนด้วยการทำให้พวกเขามีรายได้หรือบริการโดยการกำจัดของเสียออกจากสิ่งแวดล้อมและสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ในปีที่ผ่านมา เฮงเค็ลได้ขยายความร่วมมือนี้ต่อไปอีก 5 ปี เฮงเค็ลสนับสนุนโครงการต่อเนื่องในเฮติ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีส่วนร่วมอย่างมากในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทางด้านการรีไซเคิลที่มีมากกว่า 400 แห่งในอียิปต์ การทำงานร่วมกันในนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความพร้อมการใช้งานของ Social Plastic® เพื่อเป็นทรัพยากรในการผลิตบรรจุภัณฑ์
เฮงเค็ลยังได้เข้าร่วมใน New Plastics Economy ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยมูลนิธิเอลเลน แมคอาร์เธอร์ และได้รวบรวมผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียมาร่วมกันออกแบบอนาคตของพลาสติกใหม่ นอกจากนี้ เรายังเป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง Alliance to End Plastic Waste ซึ่งเป็นพันธมิตรในระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโซลูชั่นและนำไปสู่การปรับขนาดเพื่อนำไปใช้ในการลดและจัดการขยะพลาสติก นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมโซลูชั่นสำหรับพลาสติกที่ใช้แล้วโดยช่วยให้สามารถนำกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
ตั้งแต่เดือนกันยายน เฮงเค็ล ประเทศไทย ได้เริ่มต้นแคมเปญทั่วทั้งบริษัทฯ เพื่อส่งเสริม 3Rs อันได้แก่ reduce reuse และ recycle ให้กับพนักงาน ตัวอย่างเช่น พนักงานควรทิ้งขยะพลาสติกที่จุดรวบรวมขยะที่ปั๊มน้ำมันและสนับสนุนความพยายามในการรีไซเคิลพลาสติกต่างๆ อาทิ Less Plastic Thailand, Green Road, Precious Plastic Bangkok, Won Project และ Little Bee Hero
การสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ชาญฉลาด
บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของเราได้รับการออกแบบในลักษณะที่มีประสิทธิภาพตามอย่างที่ผู้บริโภคคาดหวัง ในขณะที่ใช้วัสดุที่มีความยั่งยืนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ วิศวกรบรรจุภัณฑ์ของเราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า ทำให้สามารถใช้เทคนิคการออกแบบชั้นนำ เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และวัสดุขั้นสูงในกระบวนการพัฒนา ภารกิจของเราคือการรวมวัสดุจากแหล่งที่ยั่งยืนและใช้การออกแบบที่ชาญฉลาดเพื่อปิดวงจร
เฮงเค็ลมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการขับเคลื่อนเพื่อความก้าวหน้าด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ การใช้วัสดุจากแหล่งที่ยั่งยืน ผสานการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ชาญฉลาด และการปิดวงจรโดยมุ่งมั่นที่จะทำให้บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของเราสามารถนำไปรีไซเคิลได้ภายหลังจากที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์นั้นแล้ว
ที่โรงงานผลิตกาวของเฮงเค็ลในประเทศไทย ที่ซึ่งมีการขนส่งวัตถุดิบด้วยภาชนะบรรจุขนาดกลางจำนวนมาก เฮงเค็ลได้ว่าจ้างบุคคลที่ 3 ในการทำความสะอาดภาชนะบรรจุเหล่านั้นเพื่อที่จะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากถึง 10 ครั้ง นอกจากนี้เรายังจัดหาถังพลาสติก ถังรูปทรงกระบอก และถังพลาสติกแบบเจอร์รี่แคนที่ทนทานแต่น้ำหนักเบา ใช้วัสดุพลาสติกน้อยกว่า และสามารถลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ ซึ่งรวมถึงการใช้พลาสติกรีไซเคิลสำหรับภาชนะบรรจุของเหลวและปรับปรุงฝาปิดที่ใช้วัสดุพลาสติกที่มีน้ำหนักเบาลง 24%
ด้านธุรกิจบิวตี้แคร์ในประเทศไทย บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวด Schwarzkopf Extra Care ของเราได้รับการออกแบบใหม่ที่ทันสมัย ทำให้ฝาพลาสติกมีขนาดเล็กลงและมีน้ำหนักน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์รุ่นก่อนๆ การใช้ฝาบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กลงสำหรับผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมทั้ง 2 ชนิด ภายใต้แบรนด์ Paon มีส่วนช่วยในการลดการใช้พลาสติกได้มากกว่า 4 ตันต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น การนำพาเลทพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ในคลังสินค้ายังช่วยให้เราสามารถลดขยะพลาสติกได้มากกว่า 400 กิโลกรัมต่อเดือน ในขณะที่การใช้แผ่นกันลื่นแทนฟิล์มยืดในการจัดเก็บสินค้ากึ่งสำเร็จรูปยังช่วยลดการใช้พลาสติกได้ถึง 4.4 ตันต่อปี
เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ กลยุทธ์องค์รวม ของเราเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน แนวทางนี้ทำให้ความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และความพยายามหาทางแก้ไขปัญหาพลาสติกในโลกของเรา