“แอฟฟิโนม” ผลิตชุดตรวจแอนติเจน ‘COVID-19 Ag พร้อมกระจายสู่ชุมชน

8

“แอฟฟิโนม” ผลิตชุดตรวจแอนติเจน ‘COVID-19 Ag’ สัญชาติไทย แบบ Self-test สำเร็จพร้อมกระจายสู่ชุมชน พร้อมเตรียมแตกไลน์ผลิตชุดตรวจโรคอื่นรองรับชุดตรวจทางการแพทย์แบบรวดเร็ว (Rapid test) ของไทยในอนาคต

บริษัท แอฟฟิโนม จำกัด บริษัทนวัตกรรมทางการแพทย์สัญชาติไทย ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์สำหรับการวินิจฉัยภายนอกร่างกาย (IVD) ที่ได้รับมาตรฐานการผลิตเครื่องมือแพทย์ ISO13485 ประเภทชุดตรวจแบบรวดเร็ว (Rapid Test) และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา รายงาน ‘การผลิตชุดตรวจแบบรวดเร็ว’ (Rapid Test) พัฒนาชุดตรวจแอนติเจนโดยคนไทย ‘COVID-19 Ag’ รูปแบบ Self-Test สำหรับประชาชนตรวจเองที่บ้านได้สำเร็จพร้อมเริ่มกระจายการจำหน่ายชุดตรวจผ่านพันธมิตรทั้งช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ด้วยระบบ Telepharmacy หรือเภสัชกรรมทางไกล แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

โดยชุดตรวจดังกล่าวได้รับรองมาตรฐานและมีราคาที่เหมาะสม เพื่อให้คนในประเทศใช้ นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทกำลังวางแผนในการผลิตชุดตรวจทางการแพทย์แบบรวดเร็วอื่นๆ รองรับความต้องการชุดตรวจทางการแพทย์แบบรวดเร็ว (Rapid test) ของไทย

ดนัย ประพันธ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอฟฟิโนม จำกัด กล่าวว่า หลังจาก แอฟฟิโนม ถือลิขสิทธิ์ในการผลิตและจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ในการพัฒนาชุดตรวจโควิดแอนติเจนโดยฝีมือคนไทย ‘COVID-19 Ag’ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ (Professional Use) จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ใช้เวลาในการทดสอบเพียง 15 นาที เพื่อช่วยแยกผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัว หรือชุมชนเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันชุดตรวจแบบ Professional Use โดยแอฟฟิโนม กว่า 40,000 เทสต์ มีการกระจายแล้วสู่โรงพยาบาล คลินิกเวชกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ และการตรวจเชิงรุกจากองค์กรต่างๆ ขณะเดียวกัน แอฟฟิโนม ยังเดินหน้าต่อในการพัฒนาชุดตรวจแอนติเจน ‘COVID-19 Ag’ สำหรับประชาชนทั่วไป (Self-Test) สามารถใช้ตรวจเองได้ที่บ้าน ซึ่งตอนนี้กระบวนการผลิตแล้วเสร็จและผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาเรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 เป็นต้นมา

สำหรับชุดตรวจแอนติเจน ‘COVID-19 Ag’ แบบ Self-Test ของแอฟฟิโนม เป็นชุดตรวจที่ทำการพัฒนาบนพื้นฐานเทคโนโลยีเดียวกันกับชุดตรวจแบบ Professional Use ซึ่งมีความไวและความจำเพาะสูง โดยทางบริษัทฯ ได้ทำการปรับรูปแบบให้ประชาชนทั่วไปใช้งานได้สะดวกขึ้น เช่น เก็บสิ่งส่งตรวจจากการป้ายโพรงจมูกส่วนต้น (Nasal Swab) ที่ประชาชนสามารถทำได้ด้วยตนเอง ปลายก้านเก็บตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ไม่สามารถแทงลึกได้มากกว่าโพรงจมูกส่วนต้น รูปแบบของน้ำยาที่จัดชุดมาให้เรียบร้อย คู่มือการใช้งานที่เข้าใจง่าย มีรูปภาพประกอบที่ชัดเจน มีคลิปวิดีโอสาธิตวิธีการใช้งาน และการอ่านผลการทดสอบ เพื่อให้ทุกคนสามารถทำการทดสอบด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ในกลุ่มชุดตรวจยังมีถุงสำหรับใส่อุปกรณ์ต่างๆ หลังจากทำการทดสอบเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากสิ่งส่งตรวจอีกด้วย

โดย แอฟฟิโนม วางแผนกระจายชุดตรวจแอนติเจน ‘COVID-19 Ag’ แบบ Self-Test ทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านพันธมิตรทางธุรกิจไปตามช่องทางการจัดจำหน่าย อาทิ บริษัทตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางโรงพยาบาล คลินิกเวชกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ และร้านขายยา เช่น ร้านยากรุงเทพ ซึ่งมีกว่า 100 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงผ่านระบบ Telepharmacy หรือเภสัชกรรมทางไกล ด้วยแอปพลิเคชันของร้านยากรุงเทพโดยมีแผนจัดจำหน่ายวันที่ 24 กันยายน 2564 นี้ ให้เกิดการครอบคลุมในทุกช่องทางการจัดจำหน่ายมากที่สุด และเพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเองได้อย่างรวดเร็ว สอดรับวิถีชีวิตในปัจจุบัน รวมทั้งสถานการณ์คลายล็อกดาวน์ที่มีกลุ่มผู้คนเริ่มออกมาใช้ชีวิตนอกเคหสถาน หรือหลายองค์กรเริ่มปรับแผนปฏิบัติงานที่บ้าน แบ่งจำนวนพนักงานเข้ามาปฏิบัติงานภายในองค์กร เป็นต้น

ในการตั้งเป้าเติบโตทางธุรกิจนั้น การเติบโตในตลาดอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ โดยเฉลี่ยมีการเติบโตทุกปี แต่หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมนี้เกิดการเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการตรวจโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นด้าน RT-PCR แอนติเจน หรือแอนติบอดี คาดว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในส่วนห้องปฏิบัติการ โดยรวมน่าจะเติบโตอย่างน้อย 20-30% ขึ้นอยู่กับใครจะสามารถจับตลาดได้ทันมากน้อยแค่ไหน ในส่วนของ แอฟฟิโนม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดตรวจแอนติเจน ทั้ง Professional use และ Self-Test คาดว่ายอดขายในปีนี้ของบริษัทจะเติบโตถึง 100% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งยังไม่มีชุดตรวจโควิด-19 ออกจำหน่าย โดยหลังจากนี้ความต้องการชุดตรวจแอนติเจนยังคงมีอยู่อีก 1-2 ปี และจะลดลงไปเมื่อไวรัสโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นเหมือนเช่นโรคไข้หวัดใหญ่ H1N1

“นอกจากนี้ แอฟฟิโนม ตั้งเป้า 5 ปี ขึ้นเป็นผู้นำการผลิตชุดตรวจทางการแพทย์ของประเทศไทยในอนาคต นำจุดแข็งของบริษัทฯ ด้านการผลิตชุดตรวจแบบรวดเร็ว (Rapid Test) วางแผนต่อยอดพัฒนาการผลิตชุดตรวจทางการแพทย์อื่นๆ หลังจากนี้นับเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับแอฟฟิโนม ที่จะต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สอดรับกับความต้องการของตลาดที่มีความหลากหลายของโรคและเทคโนโลยี จากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรองรับการก้าวเดินที่สำคัญในการเป็นบริษัทผู้นำในการผลิตสินค้าทางห้องปฏิบัติการของประเทศไทยต่อไป” ดนัย กล่าวทิ้งท้าย