JP เตรียม เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก 2 พ.ย.นี้

5

บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) (JP) นับถอยหลัง พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก 2 พ.ย.นี้ รุกพัฒนาสินค้า Own Brand และขยายฐาน OEM หนุนการเติบโตยั่งยืน

บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) หรือ JP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร นับถอยหลัง เตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ หลังนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้น อย่างล้นหลาม เชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ หลังระดมทุน บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ต่อยอดงานวิจัยสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานทั้งในกรุงเทพและจังหวัดลำพูน เร่งปั้นสัดส่วนรายได้กลุ่ม Own Brand เพิ่มเป็น 50% พร้อมรุกขยายฐานลูกค้า OEM ผลักดันการเติบโตแบบก้าวกระโดด เดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการวิจัย ผลิต จำหน่ายยาและอาหารเสริมครบวงจร

ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโอกาสเติบโตครั้งสำคัญของ JP นำเสนอหุ้น IPO จำนวน 115 ล้านหุ้นในราคา 7 บาทต่อหุ้น ที่เปิดขายในช่วงวันที่ 21, 25-26 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากความเชื่อมั่นในพื้นฐานการดำเนินธุรกิจและโอกาสเติบโตในอนาคต จากแผนเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในเชิงดูแล ป้องกันและรักษาโรค โดยบริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อหุ้น ‘JP’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์

ส่วนกลยุทธ์สร้างการเติบโตต่อจากนี้ JP จะนำจุดแข็งด้านการวิจัย มาพัฒนาต่อยอดงานวิชาการสู่นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในเชิงพาณิชย์ เช่น โครงการพัฒนาพืชไข่น้ำ และโครงการความร่วมมือวิจัยและพัฒนาศักยภาพการใช้กัญชงและกัญชาในผลิตภัณฑ์สมุนไพรในเชิงสุขภาพ ที่ได้มีการร่วมือกับภาครัฐ และเอกชน เป็นต้น ตั้งเป้าหมายการทำตลาดในการสร้างแบรนด์สินค้า รวมถึงแผนขยายกำลังการผลิต และการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการด้านต้นทุนกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่ม OEM ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

“เรามีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการวิจัย ผลิต จำหน่ายยาและอาหารเสริม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคในการดูแล ป้องกันและรักษาโรค ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เชิงสุขภาพภายใต้แบรนด์สินค้าของเราเอง และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน” ดร.สิทธิชัย กล่าว

วรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า JP มีจุดแข็งและข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน จากการที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมายาวนาน และมีความเชี่ยวชาญ ด้านการผลิตยาเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อีกทั้งมีบุคลากรเฉพาะด้าน เช่น แพทย์แผนไทย เภสัชกรแผนไทย เภสัชกรแผนปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยีชีวภาพ ที่จะช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่พร้อมสนับสนุนแผนกลยุทธ์เชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริมที่มีคุณภาพภายใต้ตราสินค้าของบริษัทให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายกลุ่มฐานลูกค้า OEM อีกทั้ง JP มีศักยภาพด้านฐานการผลิตของโรงงาน 2 แห่ง ที่มีความสามารถด้านการผลิตที่หลากหลาย ภายใต้มาตรฐานวิธีการผลิตยา (GMP / PICs) จาก อย. สอดคล้องและทัดเทียมกับมาตรฐานของสหภาพยุโรปและมาตรฐาน GMP สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ JP เติบโตได้อย่างยั่งยืน

โชษิต เดชวนิชยนุมัติ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม อัลฟา แคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวเพิ่มเติมว่า JP มีการให้บริการที่ครอบคลุม ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาสินค้า การคิดค้นและพัฒนาสูตร การขอทะเบียนตำรับยา (เลข อย.) การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และควบคุมการผลิตที่มีคุณภาพ อีกทั้ง มีการผลิตประเภทของยาและอาหารเสริมหลากหลายรูปแบบ เช่น ยาน้ำ ยาตอกเม็ด มีแผนขยายเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารต้นทุนจากการเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทซอฟท์เจล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนแผนออกสินค้าใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งในกลุ่มที่เป็นลูกค้า OEM และผลิตภัณฑ์ที่เป็น Own Brand ส่วนแนวทางการตลาดในการมุ่งสร้างตราสินค้าของตัวเองให้เข็มแข็ง มีแผนขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้มีความหลากหลาย (Multi -Channel Marketing) ทั้งร้านขายยาทั่วไป ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านสะดวกซื้อ ทีวีโฮมช้อปปิ้ง และช่องทางออนไลน์ (Online Channel) ในมาร์เก็ตเพลส รวมถึงขยายช่องทางจำหน่ายไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ผ่านรูปแบบแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ

ชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) หรือ JP ถือเป็นหุ้น Growth Stock ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงตามทิศทางของอุตสาหกรรมยาที่เป็นเมกะเทรนด์ของการดูแลสุขภาพ ทำให้หุ้น JP ที่เปิดให้นักลงทุนได้จองซื้อหุ้น IPO ได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจและโอกาสเติบโตต่อจากนี้ หลังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมนำไปใช้ลงทุนพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์สินค้า เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสนใจดูแลรักษาสุขภาพในทุกช่วงวัยได้ดียิ่งขึ้น