เตือนกันต่อ ฝุ่นเล็กๆ อาจเป็นปัญหาใหญ่ ทำกลุ่มเสี่ยงอาการกำเริบได้

104

หลายคนอาจจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองในทันสำหรับสถานการณ์ฝุ่นขนาดเล็กในขณะนี้ จากอาการที่จาและจมูกอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าฝุ่นเล็กๆ ไม่ทำร้ายใครจนเจ็บป่วย แต่ก็ยังเป็นสิ่งยังต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากที่กรมควบคุมโรค โดยสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ได้ดำเนินการเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์มลพิษจากฝุ่นขนาดเล็ก รวมถึงผู้ป่วยที่มีอาการด้านสุขภาพที่อาจเกี่ยวข้อง ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง  พบว่าในช่วงนี้สถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล มีเกินค่ามาตรฐานในบางพื้นที่ จึงยังคงต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป

สำหรับการเฝ้าระวังผู้ป่วยที่อาจได้รับผลกระทบด้านสุขภาพนั้น  พบว่าปัจจุบันยังไม่ได้รับรายงานการเจ็บป่วยของประชาชนที่เป็นผลกระทบจากฝุ่นขนาดเล็ก หรือพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอย่างมีนัยสำคัญที่สัมพันธ์กับผลกระทบจาก PM 2.5  อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามรับฟังข่าวสารและข้อมูลจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเข้าใจและปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง รวมถึงมีการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชน    กลุ่มเสี่ยง ยังต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึงผู้ป่วยด้วยโรคเยื่อบุตาอักเสบ และโรคผิวหนัง  เพราะประชาชนกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดอาการกำเริบได้ง่ายจากการสูดดมฝุ่นขนาดเล็กดังกล่าว  ขอให้พักผ่อนอยู่ในบ้าน ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการทรุดลง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ ปิดจมูกและปาก ถ้าอยู่ในที่ที่มีฝุ่นหนาแน่นให้ใช้หน้ากากกรองฝุ่นหรือหาผ้าเปียกมาปิดจมูก

ส่วนประชาชนทั่วไป ขอให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและทำงานหนักที่ออกแรงมาก เพราะการหายใจเร็วในระหว่างการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายรับฝุ่นละอองเข้าไปมาก  ขอให้ดื่มน้ำมากๆ และไม่สูบบุหรี่ในช่วงที่มีปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก  นอกจากนี้ ควรช่วยกันลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น ไม่เผาขยะ โดยเฉพาะขยะที่เป็นสารพิษ  เช่น  พลาสติก  ยางรถยนต์ และลดการใช้รถยนต์หรือใช้เท่าที่จำเป็น  และขอให้ดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิดและหมั่นสังเกตอาการ  หากพบว่ามีอาการผิดปกติให้รีบนำตัวส่งสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อรับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที

หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422