“Savoir Faire: The Mastery of Craft in Fashion”

71

K11 MUSEA เปิดตัวนิทรรศการแฟชั่นและศิลปะอันยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี “Savoir Faire: The Mastery of Craft in Fashion” ครั้งแรกของการรวบรวมชิ้นงานระดับพิพิธภัณฑ์และของสะสมด้านแฟชั่นที่ไม่เคยเผยโฉมที่ใดมาก่อนพร้อมด้วยผลงานสิ่งประดิษฐ์สุดหายากจากประเทศจีน และชิ้นงานร่วมสมัยจาก K11 Craft & Guild Foundation

K11 MUSEA เฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์และความทุ่มเทด้วยการจัดนิทรรศการแฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของเอเชีย โดยนิทรรศการ Savoir-Faire: The Mastery of Craft in Fashion จัดแสดงเรื่องราวกว่า 30 ปี ของงานออกแบบแฟชั่นระดับตำนาน ถ่ายทอดผ่านงานหัตถศิลป์ชั้นยอด

งานนิทรรศการนี้ถูกจัดขึ้นโดย Adrian Cheng CEO ของ New World Development และ Carine Roitfeld ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็น Editor-in-Chief ของนิตยสาร VOGUE Paris นิทรรศการนี้จะทำให้ผู้เข้าชมดำดิ่งสู่โลกแห่งแฟชั่นโอต์กูตูร์ และเสื้อผ้า ready-to-wear จากดีไซเนอร์แถวหน้าของโลก รวมถึงผลงานที่ไม่เคยถูกนำไปจัดแสดงที่ใดมาก่อนจากแบรนด์ที่ได้รับการยกย่องในยุคสมัยนี้

ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 จนถึงปัจจุบัน เป็นยุคสมัยของ savoir-faire (หรือ know how) ซึ่งนักออกแบบผู้มีพรสวรรค์รวมถึงนักออกแบบแฟชั่นกูตูร์ใช้เป็นแรงผลักดัน และใช้ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของพวกเขาผ่านผลงานแฟชั่น โดยแต่ละผลงานที่จัดแสดงจะเผยให้เห็นว่าแฟชั่นตั้งแต่แบรนด์แฟชั่นเฮาส์ที่ได้รับการยกย่องสูงสุดไปจนถึงแฟชั่นอาวองต์การ์ดจากดีไซเนอร์อิสระเป็นอย่างไร นอกจากนี้ยังจัดแสดงชิ้นงานสิ่งประดิษฐ์จีนที่หายาก และชิ้นงานต่างๆ จาก K11 Craft & Guild Foundation ซึ่งเป็นสถานที่เพื่อเก็บรักษา และอนุรักษ์สิ่งประดิษฐ์จีนที่หาได้ยากแห่งแรกของเอเชีย

นิทรรศการนี้ผสานความเชี่ยวชาญด้านแฟชั่น และผลงานของ K11 Craft & Guild Foundation ได้อย่างลงตัว ซึ่งคัดเลือกนำมาจัดแสดงอย่างพิถีพิถันโดย Carine Roitfeld บรรณาธิการแฟชั่นระดับโลก โดย Roitfeld ได้วางแผนอนาคตไว้ว่า จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ โดยรวบรวมผลงานจากฝั่งตะวันตก และเทคนิคด้านแฟชั่นต่างๆ ที่สะท้อนความงามฝั่งตะวันออก ซึ่งชิ้นงานประวัติศาสตร์ระดับไอคอนเหล่านี้จัดแสดงเคียงข้างคอลเลคชัน K11 Craft & Guild

นิทรรศการระดับโลกครั้งนี้ เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมและสัมผัสผลงานอันน่าประทับใจที่ผสานโลกของแฟชั่นและศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานที่มีสไตล์โดนเด่น เหนือกาลเวลา ชิ้นงานกูตูร์และศิลปะเหล่านี้มีวิสัยทัศน์ทางศิลปะที่ควรได้รับการยกย่อง

The Savoir-Faire Journey
การเดินทางอันน่าอัศจรรย์ใน 5 บรรยากาศที่จะพาผู้เข้าชมดำดิ่งสู่โลกแห่งแฟชั่นและงานฝีมืออันน่าหลงใหล โดยภายในนิทรรศการถูกจัดแบ่งออกเป็น 5 โซนด้วยกัน ได้แก่ Modern Reinvention, Atelier Tailleur, Extreme Craft, Bridal Couture และ Tales From The Runway ซึ่งทุกโซนถูกดีไซน์ออกมาอย่างพิถีพิถัน โดยบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจผ่านชิ้นงานทุกชิ้น ซึ่งไม่ได้มีเพียงชิ้นงานทางประวัติศาสตร์ที่งดงามจากแฟชั่นไอคอนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชิ้นงานหายากจากคอลเลคชันของสะสมส่วนตัวของ Roitfeld อีกด้วย

ATELIER TAILLEUR
โซนนี้จัดแสดงผลงานชุดสูทผ้าทวีดของ Chanel ไปจนถึงผลงานของ Alexander McQueen ร่วมด้วยผลงานจากแบรนด์ต่างๆ ได้แก่ CHRISTIAN DIOR, JEAN PAUL GAULTIER, MUGLER และ SAINT LAURENT คอลเลคชั่นผลงานระดับประวัติศาสตร์ที่ตัดเย็บอย่างประณีตนี้ จัดแสดงเคียงข้างกับชิ้นงานตกแต่งที่หายากจาก K11 Craft and Guild Foundation อาทิ กล่องแล็กเกอร์ Baibaoqian และ จานกระเบื้องเคลือบ Guangcai

โดยโซนนี้เริ่มต้นโดยการนำเสนอจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการก้าวข้ามวัฒนธรรม เช่น การส่งออกงานฝีมือจากประเทศจีนไปยังตะวันตก และการสื่อสารโดยใช้ภาษาอังกฤษในการแลกเปลี่ยนสินค้า และความคิดและงานฝีมือต่างๆ ชิ้นงานเทลเลอร์ที่ผ่านการตัดเย็บอย่างประณีตนั้นเปรียบเสมือน กล่อง Baibaogian ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างซับซ้อนจากวัสดุอันล้ำค่า สะท้อนให้เห็นถึงความงามเหนือระดับจากผลงานที่แตกต่างกัน

TALES FROM THE RUNWAY
กูตูร์ คือสิ่งที่สร้างจากความฝัน สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงและเป็นนามธรรม แบรนด์ที่นำเสนอในโซนนี้ ได้แก่ CELINE, CHRISTIAN DIOR, LOUIS VUITTON, MATTY BOVAN, RICHARD QUINN และ VALENTINO ในส่วนของ K11 Craft and Guild Foundation ได้วางโคมไฟแจกัน Guangcai สมัย Xianfeng และตู้ Guangcai ที่มีภาพวาดที่มีบทกวีร้อยแก้วจีนที่มีชื่อเสียง “Peach Blossom Spring” โดย Tao Yuanming วัสดุที่แตกต่างกันในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ปรับให้เข้ากับการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์

MODERN REINVENTION
โซน “MODERN REINVENTION” เผยให้เห็นดีไซน์ร่วมสมัยที่สร้างจากเทคนิคที่เก่าแก่ ตีความแฟชั่นยุควิกตอเรียหรือยุคกลาง ซึ่งบ่งบอกถึงวัฒนธรรมการรีมิกซ์ แบรนด์ที่ถูกนำเสนอในโซนนี้ ได้แก่ BALENCIAGA, CHANEL, IRIS VAN HERPEN, LOEWE, RICHARD QUINN และ SCHIAPARELLI สำหรับชิ้นงานจาก K11 Craft and Guild Foundation ได้แก่ ตู้ Luodian กล่องกลมเคลือบ Luodian และกล่องแปดเหลี่ยม Luodian แสดงให้เห็นว่าสไตล์สมัยใหม่และแรงบันดาลใจถูกหยิบยืมมาจากประวัติศาสตร์ ในขณะเดียวกันประวัติศาสตร์ก็ถูกรักษาไว้ด้วยเทคนิคใหม่ๆ ที่ทันสมัยด้วยเช่นกัน

EXTREME CRAFT
การเปลี่ยนขอบเขตของแฟชั่นและรสนิยมยังหมายถึงการเปลี่ยนขอบเขตของงานฝีมือ ความงาม และรสนิยม แฟชั่นที่อยู่เหนือบรรทัดฐานความงาม ในโอกาสพิเศษนี้จะได้เห็นงานฝีมือที่ไม่ธรรมดา และมีวิวัฒนาการไปตามยุคสมัย ส่วนกูร์ตูร์มักจะนำแฟชั่นมาบรรจบกับนวัตกรรมและเทคนิคที่ยั่งยืน แบรนด์ที่จะนำเสนอโซนนี้ได้แก่ ALEXANDER MCQUEEN, GIVENCHY, PACO RABANNE, TOM FORD, TOM VAN DER BORGHT และ VIKTOR AND ROLF สำหรับชิ้นงานจาก K11 Craft and Guild Foundation คือสิงโตที่ทำจากปูนปลาสเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นแบบจำลองที่ตั้งอยู่ตรงหลังคาห้องโถงในกวางโจว

BRIDAL COUTURE
การจัดแสดงผลงานชิ้นประณีตของชุดเจ้าสาวบนรันเวย์ โดยรวมเอาวิถีแฟชั่นชั้นสูงบนรันเวย์และงานนิทรรศการมาสรุปเป็นบทใหม่ด้วยตัวแทนของชุดแต่งงานรูปแบบที่ต่างออกไปจากขนบธรรมเนียมเดิม โดยแบรนด์ชื่อดังที่จัดแสดงในโซนนี้ ได้แก่ CHANEL, GIVENCHY, MUGLER, OSCAR DE LA RENTA, VALENTINO และ VERSACE
สำหรับชิ้นงานจาก K11 Craft and Guild Foundation จัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ ที่มีความหมายในวันแต่งงาน ทั้งห้องแต่งตัว Baibaoqian และ ชุดน้ำชา Guangcai ในวัฒนธรรมตะวันตก

นิทรรศการ Savoir-Faire: The Mastery of Craft in Fashion
วันที่: 13 ธันวาคม 2564 – 14 กุมภาพันธ์ 2565 (เปิดให้เข้าชมทุกวัน)
เวลา: 12.00 – 20.00 น. (รอบสุดท้ายเวลา 19.00 น.)
สถานที่: K11 Art & Cultural Centre, 6/F, K11 MUSEA, Victoria Dockside, 18 Salisbury Road, Tsim Sha Tsui, Hong Kong